Friday, May 27, 2016
มันจะมีประโยชน์อะไร
กาแฟถ้วยยักษ์บนโต๊ะมุมห้องส่งกลิ่นหอมกลุ่นไปทั่วห้องนอนเล็กๆที่ฉันซุกตัวอยู่ แต่กลิ่นอันน่าหลงใหลนั้นกลับไม่ได้ทำให้จิตใจฉันรู้สึกดีขึ้นเลย นานเท่าไหร่แล้วที่ฉันขังตัวเองอยู่ในห้องนี้ กี่วันกี่คืน หรือว่า กี่สัปดาห์ ฉันขยับตัวนั่งโดยเอาหลังพิงพนักเตียงไว้แค่นี้ฉันก็รู้สึกถึงความปวดร้าวจากส่วนศีรษะลงไปถึงหลังและแผ่กระจายลงไปถึงส่วนกลางลำตัวจนถึงแข้งขาจรดปลายเท้า หันไปมองแก้วกาแฟแล้วอาการเสียวแปรบก็ทะลุทะลวงไปถึงหัวใจ หัวใจดวงน้อยๆของฉันที่มันแหลกเหลวยับเยินไปตั้งแต่สองสามเดือนก่อน คืนแล้วคืนเล่า วันแล้ววันเล่าฉันพยายามฝ่าฟันความอ่อนแอของตัวเองและเฝ้าบอกตัวเองว่า มันได้ผ่านไปแล้ว มันจบลงแล้ว และมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปรื้อฟื้นหรือคิดถึงมันอีก เขาได้เลือกทางเดินของเขา ฉันก็ต้องยอมรับมันและอยู่กับความเป็นจริงให้ได้ มันจะมีประโยชน์อะไรที่จะไปรั้งคนที่ไม่มีใจไว้ให้อยู่ มันจะมีประโยชน์อะไรกับการพยายามทำใจสิ่งที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ และถึงแม้ว่าจะได้สิ่งนั้นกลับมาแต่ก็จะไม่คงอยู่ตลอดไป.
ฉันรู้ตัวเองดีว่าฉันไม่ได้เป็นคนดีเลิศขนาดที่จะสามารถยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ได้ ฉันมีขอบขีดจำกัดในการยอมรับสิ่งที่เข้ามาในชีวิตและสิ่งที่อยู่ในชีวิตฉัน และฉันเป็นคนที่ชัดเจนมากในเรื่องนี้.
มันก็น่าขำ มนุษย์ทุกคนเที่ยวแสวงหาความรัก บ้างคว้าไว้ได้และมีความสุขกับมันชั่วชีวิต บ้างก็คว้าไว้ได้แต่มีความสุขกับมันแค่ระยะเวลาหนึ่งแล้วปลดปล่อยไปเพราะหมดสุข หมดรัก บ้างก็เที่ยวแสวงหาแต่ก็ไม่เคยเจอ บ้างก็เจอแล้ว อยู่กับมันแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าใช่สิ่งที่ตนแสวงหาหรือไม่ มนุษย์ได้ถูกออกแบบให้เป็นสัตว์สังคม ต้องอยู่กันเป็นกลุ่ม เป็นคู่ ความรักระหว่างหญิงชายในความคิดของฉันคือ หนึ่งหญิง หนึ่งชาย รักกัน ให้เกียรติกัน ซื่อสัตย์ต่อกัน และสื่อสารพูดคุยกันให้มากที่สุด.
ฉันอาจจะเป็นแค่ผู้หญิงโง่ๆคนหนึ่งที่เชื่อมั่นในความคิดของตัวเองอย่างเหลือล้น เทิดทูนความสัตย์จริง และยอมตายไปพร้อมกับหัวใจที่แหลกสลาย แต่ฉันก็ดีใจที่อย่างน้อยที่สุดในชีวิตฉันได้รู้จักและสำผัสกับคำว่ารัก และท้ายสุดไม่ว่าฉันจะทุกข์ขนาดไหนฉันก็จะผ่านมันไปให้ได้ เหมือนกับผีเสื้อที่โบยบินออกจากรังดักแด้.
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment