Amsterdam Day 2
เช้าวันใหม่ของเมืองAmsterdamปกคลุมไปด้วยเมฆฝนสีเทาตัดกับตึกสีน้ำตาลบ้างขาวบ้างและสีน้ำเงินบ้างทำให้บรรยากาศดูน่าค้นหา ฉันตื่นมานั่งเขียนบันทึกอย่างเงียบๆตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงสายเพราะหนุ่มๆเพื่อนร่วมห้องทั้ง4คนยังคงสลบไสลไปด้วยฤทธิ์ของปาร์ตี้เมื่อคืน แง้มผ้าม่านหน้าต่างออกนิดหน่อยพอให้แสงสว่างลอดเข้ามาได้และมองออกไปข้างนอกได้ ที่พักเป็นโฮสเทลที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองและสถานีหลักของAmsterdam มองออกไปด้านล่างเห็นรางรถTramและร้านรวงต่างๆสำหรับนักท่องเที่ยว สายๆเพื่อนร่วมห้องเริ่มตื่นก็พอดีกับที่ฉันเขียนบันทึกจบลง เราคุยกันนิดหน่อยก่อนที่จะบอกลากันไป พวกเขาขับรถกลับประเทศอังกฤษส่วนฉันย้ายที่พักไปอีกที่หนึ่งไม่ไกลจากที่เดิมมากนักและสะดวกกว่าสำหรับการเดินทางไปสนามบินวันพรุ่งนี้
จัดการขนย้ายสัมภาระเข้าที่พักใหม่ซึ่งก็เป็นโฮสเทลเหมือนกันแต่อยู่ในตึกที่มีลิฟท์ทำให้การขนย้ายกระเป๋าเป็นไปได้ง่ายกว่ามากและราคาที่พักก็ถูกกว่ากันครึ่งต่อครึ่ง จะว่าไปแล้วฉันเลิกคิดถึงเรื่องจำนวนเงินไปแล้วเพราะคิดอยู่ว่าไม่ได้มาเนเธอร์แลนด์ทุกวันและในเมื่อฉันอยู่ที่นี่วันนี้ฉันจะอยู่จะกินตามที่ใจปรารถนา ไม่มีอะไรมาปิดกั้นและหยุดยั้งได้ เงินที่ฉันหามาด้วยความเหนื่อยยากมันจะถูกใช้ให้สนองความต้องการของฉันเอง หลังจากอาหารเช้าง่ายๆก็เดินลัดเลาะไปตามถนนจนใกล้จะถึงคลองริมสถานีรถไฟเห็นมีทัวร์นั่งเรือชมคลองกำลังจะออกจากท่าก็เลยรีบไปซื้อตั๋วและได้ขึ้นเรือทันเวลาเป็นคนสุดท้ายพอดี Canal Tours เป็นอีกทัวร์ที่ขึ้นชื่อของเมืองAmsterdam เพราะที่นี่มีคลองเยอะแยะไปหมดและมีผู้คนอาศัยอยู่บนเรือในคลองเป็นเหมือนบ้าน คนขับเรือถามว่าฉันสะดวกจะฟังคำอธิบายเป็นภาษาไหนทำให้ฉันเพิ่งคิดขึ้นได้ว่าตัวเองฟังพูดอ่านเขียนภาษาดัชท์ได้และใช้ชีวิตเกือบสองสัปดาห์ด้วยภาษาดัชท์ บางครั้งก็มัวแต่ปล่อยชีวิตไปตามวิถีจนลืมไปเสียสนิทถึงเรื่องราวพื้นฐาน
Canal Tours พาฉันล่องคลองไปเรื่อยๆพร้อมเรื่องราวของAmsterdamและชีวิตริมน้ำ ในอดีตเจ้าของบ้านจะจ่ายภาษีตามขนาดของความกว้างของบ้านเพราะฉะนั้นจะเห็นบ้านหลายหลังมีหน้าแคบๆไม่ถึงสองเมตรแต่สูงหลายๆชั้นแทรกตัวติดกับบ้านที่มีขนาดกว้างกว่า บ้านหลังนั้นเป็นที่อยู่ของผู้ว่าเมือง ตึกนั้นเป็นโรงโอเปร่า โน่นเป็นโบสถ์เก่า หนึ่งชั่วโมงกับค่าตั๋ว13ยูโรรู้สึกสมเหตุสมผล ครั้งหนึ่งนานมาแล้วยี่สิบปีก่อนฉันเคยเชิญพี่สาวคนโตมาเที่ยวเนเธอร์แลนด์และก็ได้พาเขามาขึ้นเรือชมคลองที่นี่เหมือนกัน เวลาผ่านไปเร็วและผ่านไปเรื่อยๆ
ขึ้นจากเรือก็เดินต่อไปเรื่อยๆแวะร้านนั้นร้านนี้ได้เสื้อยืดตัวโคร่งเอามาไว้ใส่ปั่นจักรยานหนึ่งตัว อยากซื้อนั่นนี่แต่เกรงว่าจะหอบไม่ไหวเพราะตอนนี้กระเป๋าก็หนังอึ้งแล้ว เดินเข้าไปในห้างHEMAสั่งชาร้อนหนึ่งแก้วกับApple flap หรือพายแอปเปิลหนึ่งชิ้นมานั่งกินรำลึกถึงความหลังสมัยที่ใช้ชีวิตอยู่แถบBrabant ทุกวันศุกร์หลังเลิกงานจะขับรถเข้าไปในเมืองเพื่อซื้ออาหารไว้ให้พอกินตลอดสัปดาห์ พอซื้อของเสร็จก็จะไปนั่งที่คอฟฟี่ช็อปของห้างHEMAสั่งชาร้อนกับApple flap ศุกร์แล้วศุกร์เล่ายาวนานถึงเจ็ดแปดปี วันนี้ฉันกลับมาอีกครั้งมานั่งจิบชาร้อนช้าๆ กัดพายคำเล็กๆ หลับตาลงแล้วนึกถึงอตีตวันคืนที่ผ่านไปของฉันในเนเธอร์แลนด์
ช่วงค่ำๆออกไปเดินเล่นอีกครั้ง เดินไปถึงไชน่าทาวน์แวะร้านอาหารจีนสั่งบะหมี่น้ำเป็ดย่างมาทานพร้อมกับcassisหนึ่งขวด cassisคือแฟนต้ายี่ห้อหนึ่งมีสีออกม่วงๆเหมือนน้ำองุ่น เมื่อก่อนตอนอยู่ที่นี่ดื่มบ่อยมากแต่ไม่เห็นมีขายในเมืองไทย บะหมี่เน้ำเป็ดย่างร้านเดิมกับที่เคยกินเมื่อเกือบยี่สิบปีที่แล้ว รสชาติก็ยังเหมือนเดิมคือไม่ว่าจะปรุงยังไง ใส่พริกใส่ซ้อสอะไรก็ไม่มีทางอร่อยขึ้นมาได้ แต่ก็นั่งกินจนหมดชามเพื่อระลึกถึงอดีต เดินข้ามถนนมาอีกไม่กี่มากน้อยก็มาถึงred light district แหล่งทำมาหากินของหญิงบริการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เขาจะเช่าห้องเล็กๆลักษณะเหมือนตู้กระจกแล้วตกแต่งด้วยไฟสีแดงสวย ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นยืนให้ลูกค้าเลือกซื้อบริการอยู่ในตู้ วันนี้ดูจะเงียบเหงากว่าเมื่อก่อนมากเพราะหลายๆห้องมากกว่า50เปอร์เซ็นต์ติดป้ายให้เช่า นอกจากจะมีหญิงขายบริการแล้วก็ยังมีพิพิธภัณฑ์เซ็กส์ พิพิธภัณฑ์โสเภณี ร้านขายเซ็กส์ทอยและเครื่องมือเครื่องเล่นบำบัดอารมณ์หลายรูปแบบ
เดินหลายชั่วโมงจนรู้สึกเมื่อยก็เลยหยุดพักที่คาเฟ่ริมทาง นั่งข้างนอกแต่ไม่หนาวเพราะมีฮีตเตอร์ให้ สั่งเบียร์ขาวของโรงเบียร์อัมสเตอร์ดัมมาชิมได้รสชาติก็คล้ายๆกับเบียร์ขาวของเบลเยี่ยมอย่างhoegaardenแต่เปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์คงจะแรงกว่าเพราะพอดื่มหมดแก้วก็รู้สึกตึงๆหน้า พอหายเมื่อยออกเดินต่อข้ามสะพานใหญ่น้อยหยุดมองคลองบ้างผู้คนบ้างก่อนจะเดินกลับโฮสเทลก็แวะสั่งลาจัตุรัสดามและอีกหลายๆสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองAmsterdam
No comments:
Post a Comment