8 มิถุนายน 2559
เชียงราย - กรุงเทพ - มัณฑะเลย์
ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอนตีสี่ นาทีแรกๆที่ตื่นขึ้นมายังรู้สึกงงๆว่าทำไมต้องตื่นมาแต่มืด หรือวันนี้มีงานแต่เช้า หรือว่าจะไปใส่บาตร หรือว่า?? ไม่ใช่สิ!!!! วันนี้ต้องรีบไปสนามบินให้ทันไฟรท์เช้าที่สุดที่ออกจากเชียงรายไปดอนเมือง แล้วต่อเครื่องดอนเมืองไปมัณฑะเลย์ งานอาบนำ้แต่งตัวจึงเกิดขึ้นแบบเนิบๆเพราะวางแผนเวลาไว้แล้ว เป้28ลิตรที่บรรจุเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้รวมทั้งกล้องถ่ายรูปตัวเก่งตั้งรออยู่แล้วพร้อมที่จะเหวี่ยงขึ้นหลังได้ทุกเมื่อ
ควบเวสป้าคันเก่งออกจากบ้านมาตอนตีห้ากว่าๆ อากาศเย็นสบาย ถึงแม้ว่าท้องฟ้าจะไม่แจ่มใสสักเท่าไหร่แต่ก็ยังโชคดีที่ฝนไม่ตก ลมเย็นๆตีใส่หน้าทำให้ฉันรู้สึกเรียลเป็นที่สุด เรียลที่กำลังมีชีวิตอยู่ เรียลที่กำลังออกเดินทางในโลกกว้าง และเรียลมากจนมองเห็นตัวเองเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง คนกวาดถนน หมาคุ้ยขยะ แม่ค้าหมูปิ้งกำลังก่อไฟ นักปั่นจักรยาน ภูเขาเขียวๆที่มีเมฆขาวๆลอยต่ำคาดทับ อืมมมมมม อากาศตอนเช้ามันดีอย่างนี้เอง คนตื่นสายไม่มีทางได้สัมผัสฟิลนี้หรอก
จอดเวสป้าไว้ในโรงจอดมอเตอร์ไซค์สนามบินที่มีหลังคากันแดดกันฝนให้เป็นอย่างดี แอบหัวเราะเบาๆประหยัดค่าแท็กซี่ไปกลับเหนาะๆสามร้อยบาท คริคริ เรื่องหายไม่ต้องกลัวชิปที่ติดไว้เอาอยู่ เดินสบายๆเข้าไปในตัวอาคารสนามบิน ไม่มีกระเป๋าให้โหลด ไม่ต้องเช็คอิน ทุกอย่างจัดการออนไลน์มาตั้งแต่เมื่อคืนก่อน แค่เดินตรงไปข้างในแล้วโชว์บอร์ดดิ้งพาสที่ปริ้นท์ออกมาจากบ้านก็ผ่านชิวๆ หนุ่มน้อยเอ็กซเรย์กระเป๋าทักมาว่าคุณพี่มีของเหลวในเป้นะครับ อืมมมม คุณพี่ลืมไปว่าคุณพี่มีนำ้ส้มครึ่งลิตรกับนมเปรี้ยวอีกครึ่งลิตรที่แวะซื้อมาจากเซเว่นเด่นห้าและกะจะมากินก่อนเข้าเกท ไม่เป็นไรครับคุณพี่ก็เลยโชว์การกินของเหลวหนึ่งลิตรในเวลาสามนาทีให้เจ้าหน้าที่ตรวจสัมภาระดูซะตรงนั้น ผ่านเข้ารอบต่อไปคะ
แปดโมงกว่าๆมาถึงดอนเมืองเดินขึ้นไปชั้นบนต่อไปขาออกระหว่างประเทศชิวๆเหมือนเดิมเพราะอันนี้ก็เช็คอินมาล่วงหน้าแล้วแบบอี-บอร์ดดิ้งพาส แค่ควักสมาร์ทโฟนโชว์เจ้าหน้าที่หน้าประตู เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ก็ได้มานั่งเกร๋ๆรอหน้าเกท ประหยัดเวลาเข้าแถวรอเช็คอิน โน่น นี่ นั่นอีกนับชั่วโมง เทคโนโลยีมันดีอย่างนี้นี่เองเนาะ
เที่ยงกว่าๆหางแดงเจ้าประจำก็พาร่อนลงสนามบินมัณฑะเลย์ ใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีสุวรรณีน้อยก็นั่งในแชร์แท็กซี่พร้อมจะเข้าเมืองแล้ว มาพม่าคราวนี้ไม่ต้องเสียเวลาแลกเงินที่สนามบินเพราะของเก่ายังพอมีเหลือบวกกับเมื่อวานได้แลกมาจากแม่สายด้วย ไม่ต้องเสียเวลาซื้อซิมการ์ดเพราะซิมการ์ดของคราวที่แล้วยังใช้ได้อยู่ อีเมล์ ไลน์ เฟสบุ๊ค สวาม บล้อคสปอต พร้อมเสมอจ้ะ
หนึ่งชั่วโมงในแชร์แท็กซี่กับเพื่อนร่วมทางอีกสามคน หนึ่งคนจากอเมริกา สองคนจากอัฟริกาใต้ เม้าท์มอยซอยหยวกกันไปพอหอมปากหอมคอก่อนจะแยกย้ายกันไปที่พักใครที่พักมันแต่คงต้องได้เจอกันอีกแน่เพราะแผนของแต่ละคนคล้ายๆกัน หม่องแท็กซี่มาส่งฉันเป็นคนสุดท้ายของกลุ่ม ไนล่อนโฮเทล โรงแรมสองดาวเล็กๆที่จองผ่านอโกด้าไว้ตั้งแต่สัปดาห์ก่อน เพราะโรงแรมในพม่าค่อนข้างแพงและฉันเองก็งบน้อยถึงน้อยมากจึงจองแค่ห้องเดี่ยวแบบถูกที่สุดและใช้ห้องน้ำรวม สนนราคาหกร้อยกว่าบาทต่อคืน แต่พอมาเช็คอินลุงหม่องเจ้าของโรงแรมเกิดใจดีมากกกกกก ให้พนักงานพามีสสุวรรณีเดินอ้อมหลังโรงแรมไปอีกตึกหนึ่งซึ่งก็เป็นไนล่อนโฮเทลเหมือนกันแต่ใหม่มาก คงน่าจะพึ่งสร้างเสร็จและเปิดให้บริการมาไม่กี่เดือน ห้องที่ให้พักถึงจะเป็นห้องเล็กๆแต่ก็เหมาะสำหรับคนเดินทางคนเดียว ห้องพร้อมอาหารเช้า มีแอร์ มีทีวีจอแบนติดฝาผนัง มีกาต้มนำ้พร้อมชา กาแฟ ตู้เย็นพร้อมน้ำดื่ม ไฮไลต์คือห้องน้ำที่มีอ่างอาบน้ำ!! มายก้อด กะจะมาแบกเป้ กินอยู่แบบมินิมั่ม กลับกลายเป็นชีวิตดี๊ดีไปซะงั้น ต้องขอบคุณลุงหม่องจาก Nylon Hotel, corner of 25 & 83 Street, North Mandalay ที่เอ็นดูสุวรรณี. ใครมาเที่ยวมัณฑะเลย์ก็ขอแนะนำโรงแรมนี้นะ ทำเลดี สะอาด บริการเยี่ยม.
พักผ่อน จิบชาพม่าอยู่ในห้อง พร้อมกับชาร์จแบตกล้องถ่ายรูป แบตโทรศัพท์ บ่ายแก่ๆออกไปเดินเล่นโดยตั้งจุดหมายไว้ที่หอนาฬิกาและตลาดสองสามที่ในระแวกเดียวกัน ระหว่างทางเดินผ่านร้านไอติมเห็นคนนั่งกันเยอะแยะเพราะโลเคชั่นดีอยู่ติดถนนหมายเลขแปดสิบสาม มีคนผ่านไปมาน่าสนใจดี ลองนั่งดูพร้อมกับสั่งไอติมอาโวคาโด้ตามที่เห็นในเมนู คำตอบคือไม่มี สั่งอันถัดไปไอติมมะม่วง ไม่มีคือคำตอบครั้งที่สองของหนุ่มพม่า อืมมมมมม งั้นเอาไอติมทุเรียนละกัน อันนี้มี! หนุ่มตอบพร้อมยิ้มกว้างโชว์ฟันสีแดงคล้ำทั้งปาก หนุ่มถ่มน้ำหมากปริ้ดลงพื้นก่อนจะเข้าไปหลังร้านตักไอติมทุเรียนถ้วยเล็กมาเสิร์ฟ นั่งมองผู้คนที่เดินผ่านไปมาจนเบื่อก็ลุกขึ้นไปจ่ายตังสนนราคา800จ๊าต แล้วเดินต่อไปทางหอนาฬิกา ข้ามสี่แยกไปตลาดเห็นแม่ค้ากำลังเร่งเก็บข้าวของกันชุลมุนเพราะเมฆฝนกำลังก่อตัว ยกกล้องขึ้นถ่ายรูปได้ไม่กี่รูปก็ต้องยอมแพ้เพราะนายแบบนางแบบทั้งหลายอยู่ไม่นิ่ง พรุ่งนี้ค่อยกลับมาใหม่ก็ได้
เดินทะลุตลาดมาเจอยอดเจดีย์แหลมๆอยู่ข้างหน้าลิบๆ เร่งฝีเท้าเข้าไปหาปรากฏว่าเป็นเจดีย์ Shwe Kye Myin เป็นเจดีย์เดียวกันกับที่เคยมาเมื่อสองปีก่อน คงเป็นเพราะโชคชะตา หรือบุญวาสนาถึงได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง ถอดอีแตะหิ้วตั้งแต่ทางเดินเข้าเจดีย์จนถึงสุดทางออกเจดีย์ คนพม่าเคร่งครัดกับเรื่องการถอดรองเท้าในบริเวณศาสนะสถานมาก เรื่องนี้ฉันเตรียมพร้อมมาอย่างดี ทุกครั้งที่มาพม่าจะมีรองเท้ามาด้วยสองคู่ รองเท้าผ้าใบใช้เดินทาง อีแตะแบบบ้านๆถอดง่ายพกสะดวกเอาไว้ใส่ไปเที่ยววัดชมเจดีย์ ถอดออกปุ๊บเอาใส่ถุงหิ้วเหน็บไว้ข้างเป้เดินเท้าเปล่า ออกนอกเขตก็ล้วงมาใส่ต่อสบาย เจดีย์ Swe Kye Myinนี้สร้างโดยเจ้าชายMin Shin Saw, พระราชบุตรองค์แรกของพระเจ้า Alaung Sithu แห่งเมืองพุกาม ระหว่างปีพ.ศ.1655 ถึงปีพ.ศ.1710 (ไม่ขอสะกดชื่อเจดีย์กับชื่อคน เพราะไม่แน่ใจว่าเขาออกเสียงยังไง) เดินชมความงามของเจดีย์ไปทะลุออกอีกฝั่งของเมือง เดินเลาะกำแพงไปเรื่อยไเพื่อหาทางกลับโรงแรมแต่ปรากฏว่าฝนลงมาห่าใหญ่ ชายคาตึก/บ้านของพม่าสั้นเกินกว่าจะใช้เป็นที่หลบฝนจึงไปแอบหลบอยู่ใต้ต้นไม้แต่ด้วยเหตุที่ฝนตกหนักเกินไปร่มไม้ก็เอาไม่อยู่ นึกสมน้ำหน้าตัวเองที่ลืมซื้อเสื้อกันฝนมาด้วย โชคยังดีที่เป้ที่ใช้อยู่มีผ้ายางคลุมฝนในตัว ควักผ้ายางขึ้นคลุมเป้ซึ่งบรรจุกล้องถ่ายรูป โทรศัพท์ พาสปอร์ต เงินและอีกหลายๆอย่าง ไหนๆก็เปียกแล้วเลยเดินลุยฝนเป็นเพื่อนพม่าซะเลย พวกเขาไม่เห็นจะสนใจกับสายฝนที่ตกลงมา ยังเดินตากฝนกันชิวๆตัวเปียกตั้งแต่หัวจรดเท้า หนุ่มขายหมากก็นั่งเฮฮาตากฝนขายหมากกันไป ฉันถลกขากางเกงขึ้นถึงกลางน่องเพราะเริ่มเห็นนำ้ที่เดินลุยอยู่เป็นสีแดงคล้ำจากนำ้หมากที่ถูกถ่มลงพื้น ไม่ได้นึกรังเกียจนำ้แดงๆนั่นแต่กลัวกางเกงยีนส์ที่เอามาด้วยแค่ตัวเดียวตัวนี้จะเปื้อนแล้วจะไม่มีอะไรนุ่งกลับบ้าน แค่น้ำหมากไม่น่ามีพิษมีภัยอะไร เผลอๆอาจจะเป็นยาด้วยซ้ำเพราะตอนเด็กๆเคยเห็นยายใช้สีเสียดทาแก้น้ำกัดเท้า เดินลุยนำ้มาพอชื่นฉ่ำหัวใจก็แวะกินหมี่เหลืองแห้งริมทาง อาศัยชี้ๆเอาก็ได้หมี่ถ้วยโตมาเป็นอาหารมื้อแรกของวันถ้าไม่นับแซนวิชจากเซเว่นเด่นห้าเช้ามืดวันนี้ รสชาติเที่ยบไม่ได้กับหมี่เหลืองไทยแต่ก็ได้อีกฟิลหนึ่ง แปลกสถานที่ แปลกผู้คน แปลกภาษา
กลับมาถึงโรงแรมเปิดน้ำอุ่นจัดใส่อ่างนอนแช่จนสบายแล้วรีบเช็ดผมเช็ดตัวให้แห้งก่อนที่หวัดจะถามหา วันแรกของการเดินทางของสุวรรณีน้อยจบลงแบบง่วงๆ พรุ่งนี้ว่ากันใหม่นะ ราตรีสวัสดิ์มัณฑะเลย์
ค่าใช้จ่ายวันนี้
ตั๋วเครื่องบินเชียงราย-ดอนเมือง 625 บาท
ตั๋วเครื่องบินดอนเมือง-มัณฑะเลย์ 1,350 บาท
ค่าโรงแรม 623 บาท
ขนมเซเว่นเด่นห้า 132บาท
น้ำดื่มที่สนามบินดอนเมือง 25 บาท
เติมเงินอินเตอร์เน็ตพม่า 12,000 จ๊าต
แท็กซี่สนามบินมัณฑะเลย์-ไนล่อนโฮเทล 4,000 จ๊าต
ไอติมทุเรียน 800 จ๊าต
ให้ขอทาน100 จ๊าต
หมี่เหลือง 800 จ๊าต
1บาทแลกได้ประมาณ33จ๊าต
ลงให้แบบละเอียดยิบ เผื่อใครจะตามรอย ขออานิสงส์นั้นส่งผลให้สุวรรณีน้อยได้เที่ยวจนครบทุกประเทศเต้ออออออ สาธุ