เมืองพุกาม
วันที่สามและเป็นวันสุดท้ายของครั้งนี้ที่พุกาม ช่วงเช้าฝนยังตกบางๆทำให้ห้องอาหารบนดาดฟ้าค่อนข้างเหงา พนักงานหญิงสองสามคนปฏิบัติหน้าที่กันเงียบๆ ไข่ดาวหนึ่งฟอง ขนมปังโฮลวีทปิ้งพอกรอบหนึ่งแผ่น โยเกิร์ตราดนำ้ผึ้งถ้วยย่อมเป็นสิ่งที่ฉันโปรดปราน บุฟเฟต์อาหารเช้าที่นี่ดูมีคุณภาพกว่าโรงแรมก่อนๆ มีอาหารหลากหลายให้เลือกชิมแต่ฉันก็ได้แค่ชิมไปไปไม่กี่อย่างและตบท้ายด้วยกาแฟสีดำเข้มถ้วยโต
หยิบกระเป๋าสะพายใบเล็กคาดลำตัว พร้อมกล้องถ่ายรูปคล้องใหล่แล้วเดินออกจากโรงแรมตรงไปตลาดเช้าแห่งเมืองพุกาม ตลาดที่ขับอีไบค์มาสังเกตการณ์ไว้ตั้งแต่เมื่อวานตลาดที่คิดว่าเป็นตลาดเล็กๆเพราะมองเห็นแค่ทางเข้าเล็กๆภายในกลับกลายเป็นตลาดที่กว้างใหญ่ไพศาล แบ่งออกเป็นสองส่วนส่วนที่ขายของแห้งและอีกส่วนที่ขายของสด ตลาดของสดที่นี่เป็นหนึ่งในตลาดที่น่าสนใจที่สุดในโลกสำหรับฉัน พื้นที่เฉอะแฉะไปด้วยโคลนมันทำให้ดูมีเสน่ห์ ฉันก็แค่ดึงขากางเกงขึ้นถึงกลางน่องแล้วเดินลุยไปเหมือนกับคนอื่นๆที่นี่ ถึงแม้รองเท้าแตะจะดีดขี้โคลนขึ้นมาจนจนด้านหลังเลอะเทอะแต่มันไม่ใช่ปัญหาสำหรับฉัน ผักหน้าตาแปลกๆ มะม่วงลูกอ้วนๆสั้นๆ ไก่ที่ชำแหละแล้ว ปลานำ้จืดหลากหลายชนิดถูกนำมาวางขายบนพื้น หมานับสิบตัวยืนเลียกินนำ้ผสมเลือดไก่ที่ไหลนองอยู่ตามพื้น แมลงวันฝูงใหญ่บินว่อนไปเกาะตรงโน้นที่ตรงนี้ที ฉันยืนในมุมที่ฉันคิดว่าไม่เกะกะใครมากที่สุดแล้วบรรจงสอดส่ายเลนส์ไปหาซุปเปอร์โมเดลของฉัน คนแล้วคนเล่าครั้งแล้วครั้งเล่ากดชัตเตอร์ไล่ไปเรื่อยๆนางแบบของฉันไม่จำเป็นต้องสวย เขาแค่มีโครงหน้าและแววตาที่น่าสนใจ คนแก่ หนุ่มสาว เด็กๆ แต่ละคนมีความงามเป็นเอกลักเฉพาะตน ริ้วรอยบนใบหน้าของหญิงชราที่ฉันบันทึกลงกล้องถ่ายรูปวันนี้เป็นหนึ่งในริ้วรอยที่สวยที่สุดที่ฉันเคยบันทึกมา เดินเข้าออกตามตรอกซอกซอยเล็กๆสวนทางกับแม่ชีที่กำลังเดินบิณฑบาตอยู่เป็นระยะๆ ตะกร้าใบเล็กๆแม่ชีใช้แทนบาตร ของทุกอย่างที่วางขายในตลาดใช้ใส่บาตรได้ แม่ค้าดอกไม้ก็ใส่ดอกไม้ แม่ค้ามะม่วงใส่มะม่วง มะเขือ ข้าวสาร ลูกตาล แตงกวา ทำบุญได้ด้วยทุกอย่างจริงๆ ฉันคิดเข้าใจว่าเขาคงเอาประกอบอาหารกันเองที่วัด พระและแม่ชีที่พม่าจะเดินบิณฑบาตกันทั้งวัน พระห่มผ้าสีคล้ำและไม่โกนคิ้ว แม่ชีนุ่งผ้าสีชมพูโกนหัวหรือไม่แน่ใจว่าตัดสั้นมาก ที่พุกามฉันเห็นแม่ชีเยอะมาก มากกว่าที่เคยเห็นในมัณฑะเลย์และย่างกุ้ง สิ่งที่น่าแปลกใจคือพม่าไม่ได้มีขอทานเยอะเหมือนที่เคยเห็นที่เมืองท่าขี้เหล็ก ทั้งตลาดที่เดินเที่ยววันนี้น่าจะมีขอทานไม่เกินห้าคนและพวกเขาก็แค่นั่งกันเงียบๆริมประตูทางเข้าตลาด ไม่ได้เดินตามหรือรบกวนใครๆ อาจจะเป็นเพราะคนไทยใจดีชอบให้เงินโดยไม่มีเหตุผลจึงทำให้ขอทานชอบมารุมคนไทยเวลาข้ามสะพานท่าขี้เหล็กก็เป็นไปได้
กลับจากตลาดก็รีบฉวยเป้พร้อมกล้องขึ้นหลังเพราะเห็นแดดเริ่มส่องทะลุเมฆก้อนหนาลงมาเจรจากับรีเซฟชั่นให้หาอีไบค์ให้พร้อมกับขอเลทเช็คเอ้าท์ตอนหนึ่งทุ่มเพราะขี้เกียจนั่งรอที่ล้อบบี้ครึ่งค่อนวัน สิบดอลลาร์สำหรับค่าห่องครึ่งวันกับอีกห้าพันจ๊าตสำหรับอีไบค์สุวรรณีก็เดินตัวปลิวออกไปหน้าโรงแรมพร้อมจะแว๊นสั่งลาทะเลเจดีย์แห่งเมืองพุกาม ก่อนเข้าเมืองพุกามเก่าแวะร้านชาเจ้าประจำตามวัฒนธรรมพม่า เด็กผู้ชายอายุไม่น่าจะเกินสิบขวบพนักงานร้านชายิ้มกว้างต้อนรับ ผงกหัวแค่ครั้งเดียวแล้วนั่งรอชิวๆชานมสีเข้มหอมฟุ้งก็มารออยูตรงหน้าพร้อมชาเปล่าแบบฟรีรินเองกาใหญ่ จิบชาไปดูโน่นนี่นั่นไปเพลินจนลืมคิดไปว่าคราบชาสีเข้มจัดจะติดฟันและพอร์สเลนอีกสองชิ้นที่อยู่ในปาก เรียกได้ว่าเพลินจนลืมห่วงกันเลยที่เดียว
ขับอีไบค์ลัดเลาะไปเรื่อยๆตามเจดีย์น้อยใหญ่ บางช่วงเป็นถนนทรายทำให้ขับลำบากต้องคอยประคองรถไม่ให้ล้ม เส้นทางแบบนี้นานๆที่จะสวนทางกับนักท่องเที่ยวที่ใช้อีไบค์เพราะนักท่องเที่ยวส่วนมากเขาจะไปเฉพาะเจดีย์หรือวัดที่ใหญ่ๆที่แนะนำในหนังสือไกด์บุ้ค หรือเช่าแท็กซี่พร้อมคนขับที่ใช้เฉพาะถนนเส้นใหญ่ คงมีคนบ้าบิ่นอย่างฉันไม่กี่คนที่เลือกมาทางเล็กๆแคบๆแบบนี้ สำหรับขนาดของเจดีย์ที่สร้างขึ้นที่นี่ก็บ่งบอกถึงฐานะบรรดาศักดิ์ของผู้สร้าง เจดีย์ใหญ่ๆก็สร้างโดยกษัตริย์ รองลงมาก็พวกเจ้า เศรษฐีคหบดีก็ลดขนาดกันไปเรื่อยๆ บางเจดีย์สูงชันและสามารถปีนขึ้นไปชมวิวได้อย่างวันนี้ฉันก็ปีนขึ้นยอดเจดีย์Bulethi ที่คนจะปีนขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกดิน ยอดBulethiช่วงเที่ยงวันๆนี้มีแค่ฉันกับฝรั่งหนุ่มอีกหนึ่งคนที่ปั่นจักรยานมา ลมพัดแรงมากบนยอดเจดีย์จนได้ยินเสียงหวีดหวิวของสายลมที่ผ่านหู ฉันนั่งซึมซับทุกอนูความยิ่งใหญ่ของทะเลเจดีย์ไว้ในความทรงจำเพราะไม่คิดจะมาที่นี่อีกอย่างน้อยห้าปีนับจากวันนี้ โลกมันยังกว้างใหญ่นักสำหรับฉัน ยังมีอีกหลายที่ๆอยากเห็นและอีกหลายอย่างที่อยากสัมผัส
ไม่ลืมที่จะแวะไปDahmmayan Gyi Phayaวัดที่ใหญ่ที่สุดในพุกามอีกครั้ง ข้างในวิหารมีค้างคาวเยอะมากบินกันขวักไขว่และขี้เยี่ยวออกมารดพื้นและองค์พระ แต่คนดูแลวัดก็คอยรักษาความสะอาดได้จนน่าทึ่ง พ่อค้าแม่ค้าขายของที่ระลึกพูดภาษาไทยกันคล่องปากพร้อมเชื้อเชิญนำเสนอให้ซื้อสินค้า หากนักท่องเที่ยวตอบปฏิเสธพวกเขาก็จะบอกว่าอย่าบอกว่าไม่เอาให้บอกว่าตอนนี้ยังไม่เอาแล้วเดินออกไปเงียบๆ ไม่ทำให้นักท่องเที่ยวรำคาญใจเหมือนที่กัมพูชาหรือเวียดนาม เมื่อวานฉันช่วยอุดหนุนภาพวาดจากทรายของแมค้าช่างเจรจาที่วัดManuha ไม่ใช่เพราะอยากได้ภาพวาดแต่ชอบเทคนิคการขายและการเจรจาของนาง เห็นยอดโดมสวยๆอยู่ลิบตาข้างหน้าใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะหาทางเข้าเจอและพบว่าเป็นยอดวิหารของวัดSulamaniซึ่งเป็นอีกหนึ่งวัดที่สวยงามไม่แพ้วัดAnandaแต่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวรู้จัก เห็นมีแต่หนุ่มสาวพม่ามากราบไหว้กันเป็นคู่ๆ น่ารักนะออกเดทกันที่วัดบ้างที่เจดีย์บ้าง
ขับทะลุแทบทุกเขตจนก้นระบมไปหมดและเริ่มเห็นแต่ละเจดีย์ชักจะคล้ายๆกันหรือที่ภาษาไกด์เรียกว่า temple sick ก็ถึงเวลากลับห้องไปพักผ่อนก่อนที่จะขึ้นรถนอนไปย่างกุ้งคืนนี้ แวะกินผัดผักรวมกับสัปปะรดปั่นเป็นอาหารเย็นก่อนอาบน้ำแพคเป้
ชีวิตมีความสุขดีกับการเดินทาง
ค่าใช้จ่ายวันนี้
โรงแรม 12,000 จ๊าต
อีไบค์ 5,000 จ๊าต
อาหารเครื่องดื่ม 2,600 จ๊าต
No comments:
Post a Comment