Saturday, December 31, 2016
Goodbye
Goodbye 2016
It was painful year with health and heart
It was cheerful year with work
There were new opportunities and new challenges
And after all it was a great year with travel
Welcome 2017 I am so ready for all the new things in life
Ready for all opportunities new people new life and a new heart
I am ok
Friday, December 30, 2016
Little heart
ที่รักของฉัน ขอฉันได้เรียกคุณแบบนี้นะคะ ถึงแม้ว่าความรักที่คุณมีต่อฉันมันลดหายไปแล้ว แต่สำหรับฉันคุณยังคงเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต เป็นคนที่ฉันนึกถึงเสมอไม่ว่ายามหลับหรือยามตื่น เป็นคนที่ฉันรัก เป็นคนที่ฉันไว้ใจและพร้อมจะเดินเคียงข้างไม่ว่าจะยามสุขหรือยามทุกข์ ฉันทำผิดกับคุณไว้มากเหลือเกิน ผิดที่ความรักของฉันที่มีต่อคุณเป็นความรักที่หวังจะครอบครอง ครอบครองทั้งร่างกายและจิตใจคุณ ฉันไม่รู้ตัวหรอกว่าฉันทำแบบนั้น ความหวาดระแวง ความหึงหวง และความโกรธเพียงชั่ววูบทำให้ฉันขาดสติ ฉันหวังจะให้คุณอธิบายเรื่องราวเหล่านั้นต่อฉันแต่คุณกลับเฉยชา และมันยิ่งทำให้ฉันเจ็บปวดและไม่เข้าใจคุณ
ฉันขอโทษ แต่ความผิดของฉันมันคงยิ่งใหญ่เกินกว่าที่คุณจะยกโทษให้ได้ เพราะจากที่ฟังคุณพูดฉันคือผู้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของคุณ ฉันคงไม่มีคำแก้ตัวใดๆอีกแล้วหากคุณคิดว่าฉันคือผู้ทำลาย ฉันไม่กล้าแม้แต่จะส่งข้อความเพื่ออธิบายเรื่องราวต่างๆเพราะรู้ว่าคุณต้องไม่รับฟัง คุณบอกว่าเรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก และคุณไม่อยากจะอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นต่อไป ทางเลือกของฉันคือให้คุณเดินออกไปจากชีวิตฉัน หรือไม่ก็คบหากันต่อไปแต่ต่างสถานะ ไม่มีคำว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราอีกต่อไป ไม่มีคำว่าภาระผูกพัน ไม่มีอะไรๆทั้งนั้น เหลือไว้แค่คนสองคนที่พบเจอกันบางครั้งและทำอะไรตามที่พึงพอใจ ไม่มีคำสัญญา ไม่มีข้อแม้ ไม่มีการผูกมัด
โลกทั้งโลกเหมือนกันถล่มทลายลงต่อหน้าฉันหลังคำเจรจา สุดที่รักของฉัน ความรักที่ฉันมีต่อคุณมันยิ่งใหญ่เกินกว่าที่คุณจะจินตนาการได้ ฉันยอมคุณทุกอย่างขอเพียงแค่ยังมีคุณอยู่ในชีวิตของฉัน แม้เพียงแค่หนึ่งนาทีฉันก็ยอมแลกได้ ให้ฉันได้มีโอกาสได้อยู่ข้างๆคุณ ได้มีโอกาสดูแลคุณ ได้มีโอกาสแอบฟังเสียงหัวใจคุณเต้นยามคุณหลับไหล สุดที่รัก ฉันรักคุณเกินกว่าจะปล่อยคุณออกจากชีวิตฉันไป รู้ทั้งรู้ว่าฉันไม่ได้มีอะไรคู่ควรกับคุณ คุณมีหน้าที่การงานดี ฉันเป็นแค่คนทำงานหากินไปวันๆ คุณมีการศึกษาสูง ฉันก็แค่พอเอาตัวรอด คุณเป็นผู้ชายหน้าตาท่าทางสง่างาม ฉันก็แค่ผู้หญิงธรรมดา
ที่รักของฉัน ฉันขอโทษ ฉันรู้ว่าคำขอโทษคุณหมื่นล้านพันครั้งของฉันมันก็คงไม่สามารถลบล้างความเจ็บช้ำจากใจคุณได้ และฉันก็คงไม่กล้าพอที่จะขอร้องให้คุณยกโทษให้ฉันอีกแล้ว ที่รัก ขอให้คุณโปรดรับรู้ไว้ด้วยว่าฉันจะรอคอยคุณกลับมาหาฉันจนวินาทีสุดท้ายในชีวิต ฉันรักคุณ
ตั้งแต่บ่ายนี้จนเกือบเที่ยงคืนฉันนั่งทำพายแอปเปิลให้คุณ ทำซ้ำแล้วซ้ำอีก พยายามทำให้ได้ในแบบที่คุณน่าจะชอบ ฉันทำไปแอบมีความสุขไปเมื่อนึกถึงคุณกับพายแอปเปิล ฉันรักคุณสุดหัวใจ
Thursday, December 22, 2016
A cold mind
ลมหนาวของเดือนธันนวาคมแทรกผ่านช่องประตูที่ฉันเปิดแง้มเอาไว้ ฉันแทรกตัวลึกเข้าไปใต้ผ้าห่มกำมะหยี่ผืนโต พยายามทำตัวให้เล็กที่สุดและเงียบที่สุดแต่ดูเหมือนว่าทุกๆลมหายใจเข้าออกและทุกๆจังหวะเต้นของหัวใจมันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก ความเจ็บปวดที่ไม่มีทางรักษาบรรเทาเพราะมันไม่ใช่ความเจ็บปวดทางกาย หัวใจของฉันถูกย่ำยีและขว้างทิ้งครั้งแล้วครั้งเล่าโดยคนคนเดียว ทุกครั้งที่ฉันเข้มแข็งพอและลุกขึ้นมามีชีวิตอีกครั้งฉันก็ปล่อยให้เขาเข้ามาทำลาย ครั้งแล้ว ครั้งเล่า
ความรักของฉันมันคงเปรียบได้กับยาขมๆสักขนานหนึ่ง ที่ถูกยื่นส่งมาให้โดยปีศาจใจร้าย ฉันคงเหมือนกับหนูน้อยหมวกแดงที่โดนสุนัขจิ้งจอกหลอกด้วยแอปเปิลสีแดงสวย ทุกครั้งที่ฉันเจ็บปวดก็ได้แต่คร่ำครวญและบอกตัวเองว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก แต่ความหอมหวาน เย้ายวน ของความรักก็ฉุดให้ฉันตกไปในหลุมสีรุ้งนั้น หลุมที่มีแต่เขากับฉัน หลุมของเราสองคน
ความเงียบและความห่างเหินของเขาที่มีต่อฉัน มันทำให้ฉันรู้สึกถึงความหนักหน่วงบนไหล่ทั้งสองข้าง ทำให้ฉันมองเห็นโลกเป็นสีเทา และเสียงเพลงที่เคยแว่วเข้าหูกลับเงียบหาย โลกทั้งโลกเหมือนกับคืนเดือนมืด
ฉันขยับตัวอีกครั้งพร้อมกับหายใจให้ลึกสุดๆ พร่ำบอกกับตัวเองว่า พรุ่งนี้เมื่อฉันตื่นขึ้นมาแสงแดดจะส่องสดใจ แดดอุ่นๆจะพาดทับตัวฉัน รอบตัวจะเต็มไปด้วยสีสันสดใสและเสียงเพลงบรรเลงจรรโลงใจ และเขายืนอยู่ข้างๆฉัน
Saturday, December 17, 2016
Just the cold wind
บางครั้งสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต มันก็แค่ลมเย็นๆไม่กี่วินาทีในคืนที่ร้อนอบอ้าว
ผ่านมา เพื่อที่จะผ่านไป
กลับมา เพื่อที่จะจากไป
รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของวันวาน มันก็คือ อตีต
Wednesday, December 7, 2016
No matter distance
บทที่สี่
เสีองข้อความเข้าดังมาจากโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่มุมโต๊ะทำงาน ฉันเงยหน้าจากกองเอกสารและจอคอมพิวเตอร์ เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาอ่านข้อความ "ผมคิดถึงคุณ" ข้อความสั้นๆนั้นบาดลึกจิตใจฉันนัก สามสี่วันที่เราจากกันเพราะฉันก็มีหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบที่นี่ และเขาก็มีสิ่งที่อยากจะทำที่นั่น ระยะทางหนึ่งร้อยแปดสิบกิโลเมตรที่คั่นกลางระหว่างเรามันไม่ได้ห่างไกลอะไรนักแต่มันก็ห่างไกลพอที่จะทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวด ทุกๆนาทีที่ไม่มีเขา ฉันทุ่มเทให้กับการทำงานและออกกำลังกายอย่างบ้าคลั่งเพื่อที่จะทำให้เหนื่อยและนอนหลับได้โดยไม่รู้สึกถึงความคิดถึงถวิลหาที่มีแก่เขา
มือใหญ่ที่คอยปัดเส้นผมฉันระหว่างที่อีกมือจับเครื่องเป่าผมโบกส่ายไปมาดูแลให้เส้นผมดกหนาของฉันแห้งหลังจากการสระผมก่อนเข้านอน มือที่คอยบรรจงรินไวน์แดงใส่แก้วแล้วยื่นให้ฉันด้วยรู้ว่าฉันโปรดปราน มือที่คอยจับฉันให้ยืนตัวตรงเพื่อที่เขาจะได้สวมเสื้อแจ็คเก็ตสำหรับซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ให้ฉัน มือเดียวกันนี้ที่คอยปาดคราบครีมกันแดดบนใบหน้าให้ฉัน และเป็นมือเดียวที่ฉันปรารถนาจะกกกอดยามค่ำคืน
ภาพของผู้ชายตัวโตนั่งรอรถไฟอยู่ที่สถานีย่างกุ้งโดยมีเด็กๆตัวเล็กสกปรกมอมแมมคอยห้อมล้อมและหยอกล้อ เด็กๆปีนป่ายไปตามเนื้อตัวเขาดูน่าขำ รอยยิ้มกว้างและเสียงหัวเราะทุ้มห้าวของเขาทำให้ฉันรู้สึกสุขใจ บนรถไฟเขาดูจะเป็นที่น่าสนใจของคนท้องถิ่น หญิงชราเคี้ยวหมากปากแดงแอบชำเลืองดูเขา ผู้ชายวัยกลางคนนุ่งโสร่งลายยิ้มให้เขาเป็นระยะๆ เด็กชายตัวเล็กสองคนพี่น้องพยายามเอื้อมมือมาสัมผัสเขา ฉันยื่นขนมปังก้อนเล็กให้เขาแล้วบอกให้เขาเอาให้เด็กๆ เขารับไปกึ่งกล้ากึ่งกลัวแล้วยื่นให้เด็ก พอเด็กรับไปเขาก็ยิ้มกว้างหันมามองฉัน รอยยิ้มที่ทำให้ใจฉันอิ่มเอมไปหลายนาที เขา ผู้ชายของฉัน
ระยะทางแค่หนึ่งร้อยแปดสิบกิโลเมตร แค่หนึ่งร้อยแปดสิบกิโลเมตรเอง มันไม่ได้ยิ่งใหญ่พอที่จะหยุดฉันได้ และอีกไม่กี่วันระยะทางจะเพิ่มเป็นหนึ่งหมื่นหนึ่งพันสี่ร้อยสามกิโลเมตร ตอนนี้ฉันก็แค่ข้ามภูเขาไม่กี่ลูกเพื่อที่จะได้อยู่กับเขาแต่หลังจากนี้ถ้าฉันอยากจะอยู่กับเขาฉันต้องข้ามภูเขานับพันๆลูก ข้าวแม่น้ำ ข้ามทะเล ข้ามมหาสมุทร และข้ามอีกกี่ประเทศกี่ทวีปเพื่อจะได้อยู่ด้วยกัน
ผู้ชายของฉัน ฉันจะไปหาคุณ ไปหาหัวใจอีกครึ่งดวงของฉัน ไปหาอ้อมอกแข็งแรงอบอุ่น ไปหาความรักของฉัน
Tuesday, December 6, 2016
Monday, December 5, 2016
Deep inside
บทที่สาม
"คุณ กินขนมปังกับชีสเยอะๆนะนำ้หนักตัวจะได้เพิ่มขึ้น" เสียงทุ้มของคนตัวโตที่นั่งตรงข้ามฉันดังขึ้นระหว่างที่เรากำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารเช้าของโรงแรมชื่อดังในพม่า ฉันผงกหัวรับคำและพยายามจัดการกับอาหารเช้าให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้เพราะน้ำหนักตัวที่ลดลงฮวบฮาบจากอาการเจ็บป่วยช่วงหลังทำให้ฉันรู้สึกอ่อนแอ ฉันบรรจงตักน้ำตาลสองช้อนลงในถ้วยกาแฟ คนจนเข้ากันเติมนมสดอีกเล็กน้อยแล้วเลื่อนถ้วยกาแฟไปให้เขา ความสุขเล็กๆของฉันในช่วงเช้าคือการได้ชงกาแฟให้เขาแล้วนั่งดูเขาจิบกาแฟช้าๆ มือใหญ่ที่กุมถ้วยกาแฟทั้งถ้วยไว้ดูอบอุ่นและนุ่มนวล
"คุณ นุ่งชุดสวยๆบ้างก็ได้" ฉันก้มลงดูกางเกงฮาเร็มกับเสื้อยืดแขนยาวตัวโคร่งสีมอที่สวมใส่ ฉันเคยชินกับการท่องไปในโลกกว้างเพียงลำพังและด้วยสัญชาตญาณการปกป้องตัวเองจึงทำให้ฉันทำตัวกลมกลืนกับคนพื้นที่นั้นๆให้มากที่สุด "ผมอยู่ข้างๆคุณ ผมจะปกป้องคุณเอง"
"คุณ เดินระวังๆนะ รถเยอะถนนแคบ ผมกลัวรถจะชนคุณ" เสียงทุ้มเตือนฉันมาจากด้านหลังเป็นระยะๆ ขณะที่เราเดินลัดเลาะไปเรื่อยๆบนถนนแคบๆในเมืองย่างกุ้ง รถรา ผู้คน และสิ่งกีดขวางบนถนนทำให้การเดินต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ฉันเสียอีกที่เคยชินกับสถานการเหล่านี้จึงเดินไปเรื่อยๆโดยไม่ได้กังวลอะไรมากนักเพราะรู้ว่าผู้คนและรถราที่นี่รู้จักหลบหลีกให้กันและกัน
"คุณ เดินห่างๆขอบสะพานหน่อย ผมกลัวคุณตก" เขาทำหน้าหวาดเสียวเมื่อเห็นฉันยืนริมขอบสะพานอูเบ็งเพื่อบันทึกภาพพระอาทิตย์ตกดิน ภาพผู้ชายตัวโตสวมหมวกปีกกว้างยืนหันหลังให้พระอาทิตย์ดวงโตสีส้มจัดดูสวยงามอิ่มตา ฉันยกกล้องขึ้นกดแช็ตเตอร์ บันทึกภาพเขาไว้ เราเดินบันทึกภาพไปเรื่อยๆบนสะพานอูเบ็งเมืองมัณฑะเลย์ สะพานไม้เก่าแก่ที่สร้างขึ้นจากไม้พระราชวังเก่า สาวพม่าปะทานาคาเต็มแก้มดูน่ารัก เราหัวเราะให้กันเมื่อเห็นนักท่องเที่ยวชาวจีนกลุ่มใหญ่แบกกล้องราคาแพงลิบเดินขวักไขว่บนสะพาน ใต้สะพานเขาบรรจงหมุนเลนส์โฟกัสไปยังกลางสะพานที่มีพระอาทิตย์สีหมากสุกฉายแสงอยู่ในมุมต่ำ ฉันหยุดบันทึกภาพ ฉันหยุดหายใจ ฉันได้แต่ยืนมองเขา ผู้ชายของฉัน
ไข่กวนใส่มะเขือเทศและชีส กาแฟใส่น้ำตาลและนม ไวน์แดง ชีส บรี ค้อกเทลในช่วงของแฮปปี้อาวเวอร์ รถอีไบค์คันเล็กขับฝ่าดงเจดีย์ แกงพม่ากับข้าวเปล่าจานโต หุ่นชักพม่า กล้องถ่ายรูป เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม ทุกรายละเอียดในความทรงจำของฉัน อ้อมอกอุ่นๆบนเตียงกว้างๆ
เขา ผู้ชายของฉัน
Sunday, November 27, 2016
Was a dream
บทที่สอง
ฉันสะดุ้งตื่นกลางดึกพร้อมเหงื่อที่เปียกชุ่มไปทั้งตัวและความปวดร้าวในหัวใจที่แผ่ขยายไปทั่วร่าง มันชั่งเป็นความฝันที่เหมือนจริงยิ่งนัก ภาพของเขาผู้ชายตัวสูงที่ฉันทุ่มเทความรักและชีวิตให้มาตลอดหลายปีที่ผ่านไป เดินก้าวเท้ายาวๆผ่านฉันไป แม้ว่าฉันจะพยายามร้องขออ้อนวอนให้เขาอยู่กับฉันแค่ไหน เขาก็ยังคงเดินห่างจากฉันไปเรื่อยๆช้าๆจนสุดสายตา ในอุ้งจมูกฉันยังคงได้กลิ่นครีมอาบนำ้จากตัวเขา รอยอุ่นๆจากมือใหญ่เหมือนจะยังคงสัมผัสได้บนหลังมือของฉัน
"ผมรักคุณ และผมไม่ต้องการคนอื่น" คำพูดสั้นๆที่ออกมาจากปากเขาครั้งนั้น ผู้ชายของฉัน คนตัวโตที่ทิ้งหนวดเครารกครึ้มเต็มใบหน้า ปากบางๆของเขาเม้มเป็นเส้นตรงอย่างพยายามสะกัดกลั้นอารมณ์ภายใน ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เราไม่เข้าใจกัน ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขาจากฉันไป และครั้งแล้วครั้งเล่าที่ฉันบ้าคลั่งเพราะความเจ็บปวดดวงใจ แต่ทุกๆครั้งที่เรากลับมารักกันมันก็ทำให้ฉันลืมความเจ็บปวด ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง โลกทั้งโลกราวกับว่ามีแต่เขาอยู่ตรงหน้าฉัน รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ อุ้งมืออุ่นๆของเขาที่กุมมือฉันไว้ในโรงหนัง ป๊อปคอร์นถังโต แก้วเป๊ปซี่ลวดลายเด็กๆที่เราซื้อหาด้วยความขบขัน ฉันกับผู้ชายของฉันในวัยสี่สิบกว่าๆและย่างห้าสิบ มอเตอร์ไซค์คันโตที่มีเขาเป็นผู้ขับขี่มีฉันซ้อนท้ายตะเวนไปบนภูเขาเส้นทางตะเข็บชายแดน ไทย - พม่า ฉันไม่เคยกลัวอะไรเมื่อมีเขาอยู่เคียงข้างเพราะรู้ดีว่าเขาจะดูแลและปกป้องฉัน ซุปเต้าหู้ที่เขาบรรจงเทใส่ชามให้ฉันยามที่ฉันไม่สบาย ระยะทางเกือบสองร้อยกิโลเมตรพร้อมกับมอเตอร์ไซค์คันโตที่เขาดั้นด้นมาหาฉัน ชีสชิ้นนุ่มที่เขาตั้งใจซื้อให้ฉัน อ้อมกอดอุ่นยามค่ำคืนที่ฉันซุกหน้าพร้อมกับแอบฟังเสียงหัวใจเขา
ฉันขยับมือควานไปข้างๆสัมผัสถึงร่างอุ่นใกล้ตัว ผู้ชายของฉัน! เขาอยู่ตรงนี้ไม่ได้ไปไหน ยังนอนอยู่ข้างๆฉัน!
ผู้หญิงสติแตกอย่างฉัน กับ ผู้ชายสติแตกอย่างเขา กับ ความรักของเรา
ขอโทษในความงี่เง่าของฉัน ฉันก็แค่รักคุณสุดหัวใจแค่นั้นเอง
Saturday, November 26, 2016
Thank you
บทที่หนึ่ง
ขอบคุณ ที่กลับมายืนข้างๆฉัน
ขอบคุณ ที่โอบกอดฉันไว้ยามค่ำคืน
ขอบคุณ ที่ยังจำรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ
ขอบคุณ คำว่ารักและคิดถึง
ขอบคุณสำหรับความรักรสขม
ความรักที่แสนจะเจ็บปวด และ ทรมาน
Sunday, November 6, 2016
A storm
บทเริ่มต้น
ความร้อนของกาแฟทีหกออกมาจากถ้วยในมือทำให้ฉันรู้สึกตัว วางถ้วยกาแฟลงแล้วสะบัดมือให้คลายความร้อน ความเจ็บปวดของรอยแดงที่พาดผ่านบนมือฉันมันไม่ได้มากไปกว่ารอยแผลลึกในใจที่เขาทิ้งไว้ให้เกือบหนึ่งปีที่ผ่านไป หนึ่งปีแห่งความโหดร้าย เจ็บปวดและมืดมนหลังจากที่เขาเดินออกไปจากชีวิตฉัน เกือบหนึ่งปีที่ฉันใช้ชีวิตเหมือนคนหลงทางอยู่กลางป่ากว้างในยามค่ำคืน
วันแล้ววันเล่าที่ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมหัวที่หนักอึ้ง คืนแล้วคืนเล่าที่ฉันหลับไปพร้อมน้ำตาชุ่มแก้ม รูปถ่ายพร้อมสิ่งของที่เคยผูกความสัมพันธ์ระหว่างเราถูกฉันกำจัดไปตั้งแต่ระยะแรกๆของการจากลา แต่ความทรงจำและความรู้สึกทุกรายละเอียดไม่เคยลดน้อยลงไปจากใจฉัน ไม่ว่าฉันจะอยู่ที่เมืองไทย พม่า อินเดีย เวียดนาม หรือที่ไหนๆเขายังคงตามมาอยู่ในห้วงคำนึงของฉัน หลายครั้งหลายคราฉันเกือบแพ้ใจตัวเองและเกือบจะออกตามหาเขาแต่เสียงเล็กๆในใจฉันก็คอยห้ามปรามว่า "มันจะมีประโยชน์อะไรกับการตามหาหัวใจที่ไม่ใช่ของเรา" ความเฉยชา คำพูดอันเจ็บปวดที่ออกมาจากปากเขามันยังคงฝังลึกอยู่ในใจฉัน เขาเข้ามาในชีวิตฉันเมื่อเขาต้องการจะมาและเขาก็จากไปเมื่อเขาหมดความต้องการ มนุษย์โลกคงเป็นสิ่งมีชีวิตที่โหดร้ายที่สุด และความโหดร้ายของมนุษย์อย่างเขาก็ได้ทำลายหัวใจและความรู้สึกของฉันจนย่อยยับครั้งแล้วครั้งเล่า
ฉันเอื้อมมือไปจับถ้วยกาแฟถ้วยเดิมซึ่งเปลี่ยนสภาพเป็นกาแฟเย็นชืด ความรักก็คงเหมือนกาแฟ ร้อนจัดก็เป็นอันตรายกับคนดื่ม มิ้งไว้นานจนเย็นชืดรสชาติก็ย่อมจางหาย ความรักของฉันคงเหมือนกาแฟแก้วที่อยู่ในมือ.
Wednesday, November 2, 2016
Lost
It takes a lot to hate him
It takes too much to forget him
But it took so little to love him
I have lost somebody who wasn't even mine, and I'm trying to forget him but I'm also waiting for him to come back.
My Lille LOVE STORY
Monday, October 17, 2016
Yangon
Yangon, Myanmar
October 2016
Return to Yangon after 3 months and I still LOVE Yangon and LOVE Myanmar.
Don't think complicate things.
Just feel, and if it feels like home then follow the path.
Wednesday, October 5, 2016
Mingalaba
ความรักเป็นสิ่งสวยงาม
เป็นความสุขที่หอมหวาน
ความผิดหวังในรักเป็นสิ่งโหดร้าย
เป็นความมืดมิดในโลกว้าง
เวลาจะรักษาบาดแผลในใจ
เป็นตัวเยียวยาและดูแลหัวใจดวงน้อย
เพราะชีวิตยังสวยงามอยู่เสมอ
It's OK even my heart still hurts
When something good happens, travel to celebrate.
When something bad happens, travel to forget.
When nothing happens, travel to make something happen.
43 is a good number
First official outbound tour with Suwannee Thai Cooking Class Chiangrai & Tours
Mingalaba..... here I come
Saturday, September 17, 2016
Incredible India
Namaste Day 12
New Delhi - Bangkok - Chiangrai
เช้าสุดท้ายในอินเดีย ฉันวางแผนไว้ว่าจะนั่งจิบจัยร้อนๆในห้องเป็นการสั่งลาอินเดียแต่หลังจากที่ พยายามโทรศัพท์ติดต่อรูมเซอร์วิสหลายทีก็ไม่มีเสียงตอบรับฉันจึงยอมแพ้ มันคงไม่ใช่ประสงค์ของพระเจ้า ดังเช่นคนที่นี่เขาพูดกัน อาบน้ำแต่งตัวประณีตกว่าทุกวัน กางเกงยีนส์พร้อมเสื้อแขนยาวที่ใส่มาวันแรกและมันก็ถูกยัดไว้ใต้ลึกสุดซอก เป้ถูกหยิบมาใส่อีกครั้ง ครีมรองพื้น แป้งพัฟทาหน้า ดินสอเขียนคิ้วก็กลับมาทำหน้าที่ของมันหลังจากที่หยุดพักไปเกือบสองอาทิตย์ ยังมีคนอีกหลายคนในโลกนี้ที่ตัดสินคนอื่นจากลักษณภายนอก และฉันก็รู้ดีว่าบางทีลักษณะภายนอก บุคลิก การแต่งกาย มันก็ช่วยให้การใช้ชีวิตมันง่ายขึ้นและเป็นที่ยอมรับง่ายกว่า
เช็คเอ้าท์แล้วเดินแบกเป้พร้อมหิ้วกระเป๋าใบใหม่ที่ใช้บรรจุของฝากซื้อออกมา ด้านหน้าโรงแรม มองหาคนขับริกชอว์ที่นัดหมายไว้เมื่อวานแต่ไม่เจอ หลังจากรออยู่ห้านาทียังไม่มาฉันก็ตัดสินใจเรียกริกชอว์คันอื่น สำหรับวันนี้เวลามันสำคัญเกินกว่าที่จะเอามาล้อเล่น บอกจุดหมายกับเด็กหนุ่มคนขับว่าจะไปสถานีรถไฟใต้ดินสำหรับแอร์พอร์ตเอ็กซ์ เพรซ เด็กหนุ่มตบเบาะรถให้ขึ้นมานั่งแต่ฉันถามราคาก่อน เขาบอกราคาเท่ากับราคาที่ตกลงกับคนขับอีกคนที่เขาไม่มาฉันจึงตกลงขึ้นรถ ออกรถไปได้สักพักเขาหันมาถามฉันด้วยภาษาอังกฤษกระท่อนกระแท่นพอจับความได้ ว่าฉันจะไปไหน วินาทีนั้นฉันเหมือนจะรู้ชะตาตัวเองแล้วว่าคงจบไม่สวย ฉันย้ำกับเขาว่าเมโทรสเตชั่นสำหรับแอร์พอร์ต เขาทำหน้ามึนๆแต่ก็ขับไปเรื่อยๆและสุดท้ายก็มาส่งที่สถานีเมโทร ฉันมองดูรอบๆแต่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นสถานีที่ฉันขึ้นมาจากสนามบินวันก่อน หิ้วกระเป๋าใบเขื่องที่เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆพร้อมเป้อีกหนึ่งใบบนหลังลงไป ที่สถานี พยายามถามคนหลายๆคนที่เดินสวนไปมาแต่ก็ไม่เจอคนที่เข้าใจภาษาอังกฤษจน สุดท้ายเดินไปถามพนักงานขายตั๋ว เขายื่นเหรียญให้ฉันพร้อมบอกว่าแปดรูปี ฉันย้ำกับเขาว่าไปสนามบิน เขาก็พยักหน้าพร้อมกับบอกอีกครั้งว่าแปดรูปี ตอนนั้นฉันคิดว่าคงหมายถึงให้ขึ้นสถานีนี้แล้วไปลงอีกสถานีแล้วไปต่อเมโทร ที่นั่นสำหรับไปสนามบินเพราะแปดรูปีมันไม่น่าจะใช่ราคาค่าโดยสารไปสนามบิน จำได้ว่าขามาวันก่อนฉันจ่ายไปห้าสิบรูปี อากาศตอนแปดโมงเช้ากำลังสบายแต่ฉันรู้สึกเริ่มร้อนใจก็เลยตัดสินใจหยอด เหรียญเดินผ่านไปอีกฟากโดยไม่ขึ้นเมโทรเพราะคิดว่าอย่างน้อยก็กลับขึ้นไป ข้างบนได้และหารถคันอื่นหรือวิธีอื่น ดาต้าโรมมิ่งในโทรศัพท์ก็ใช้งานไม่ได้ในเวลานั้น ไม่มีอินเตอร์เน็ตในการเดินทางฉันก็เหมือนตาบอด เดินมาสักพักเจอเด็กผู้หญิงฉันรีบเข้าไปทักเพราะอายุเด็กขนาดนี้คงเป็น นักเรียนและนักเรียนก็ต้องพูดภาษาอังกฤษได้ ฉันเดาถูกแต่เธอไม่สามารถช่วยฉันได้เพราะเธอก็ไม่รู้ว่าฉันต้องขึ้นเมโทร สถานีไหน ขณะที่ฉันเกือบท้อก็มีคนเข้ามาช่วย ฉันต้องเรียกเขาว่าฮีโร่ พระเอก และเจ้าชาย เขาบอกว่าเขาเองก็กำลังจะไปเส้นทางสนามบินแต่จะลงหนึ่งสถานีก่อนฉัน เขาว่าเราต้องเดินสิบนาทีจากสถานีนี้ไปขึ้นเมโทรสถานีหน้า ฉันรู้สึกล้าที่แขนและขาเพราะกระเป๋าใบใหม่ก็หนักไม่ใช่เล่น เขาบอกว่างั้นนั่งริกชอว์ไปกันมั๊ย ฉันตอบตกลงและอาสาจะเป็นคนจ่ายค่าโดยสารให้เอง จากนั้นฉันและเขาซึ่งกลายสภาพเป็นเราก็นั่งริกชอว์ไปไปสถานีเมโทร เขาแย่งจ่ายค่าโดยสารริกชอว์พร้อมกับหิ้วกระเป๋าให้ฉัน พาไปซื้อเหรียญและช่วยแม้กระทั่งแตะเหรียญให้ประตูเปิด ฉันพึ่งเข้าใจว่าสโนว์ไวท์รู้สึกอย่างไรตอนเจ้าชายเอารองเท้าแก้วมาสวมให้ ฉัน ผู้หญิงอายุสี่สิบสามปี เคยมีผู้ชายผูกเชือกรองเท้าให้ เคยมีผู้ชายแต่งเพลงให้ เคยมีผู้ชายเขียนคำนิยามให้ฉันในหนังสือเล่มขายดีของเขา เคยมีผู้ชายสระผมและเป่าผมให้ แต่ไม่เคยม่ผู้ชายคนไหนแตะเหรียญโดยสารเมโทรให้ฉัน มันคงเป็นประสงค์ของพระเจ้า เจ้าชายอินเดียของฉัน ฮีโร่ของฉัน พระเอกของฉัน ในเมโทรเรานั่งคุยกันหลายเรื่องและจบท้ายด้วยการถ่ายเซลฟี่ด้วยกันและแลก เบอร์Whats App ตามธรรมเนียมอินเดีย
มาถึงสนามบินเวลากำลังดี พนักงานสายการบินทำท่าอิดออดเมื่อเห็นขนาดกระเป๋าที่ฉันบอกว่าเป็นกระเป๋า ถือ เขาพยายามจะให้ฉันโหลดเข้าใต้ท้องเครื่องแต่ฉันอธิบายว่าพอถึงกรุงเทพฉัน ต้องรีบไปต่อเครื่องภายในประเทศและมีเวลาแค่หนึ่งชั่วโมง เขาแนะนำให้ฉันไปคุยกับหัวหน้าเขา ใช้เวลาคุยไม่ถึงสองนาทีฉันก็ได้เข้าไปนั่งรอหน้าประตูขึ้นเครื่องพร้อม กระเป๋าและเป้ โชคดีชะมัด ไวน์แดงแก้วโตบนเครื่องทำให้ใจฉันสงบลง อาหารไทยมื้อแรกในรอบสิบสองวันถึงแม้จะเป็นแค่อาหารบนเครื่องบินแต่ฉันก็ รู้สึกว่ามันอร่อย เปิดที่พักแขนของเก้าอี้ทั้งแถวที่มีฉันนั่งเพียงคนเดียวออกแล้วล้มตัวนอน ฝันถึงอินเดีย ต่อเครื่องมาเชียงรายได้ทันเวลาสบายๆ อีกครึ่งชั่วโมงกับเวสป้าที่เอาไปจอดไว้ที่สนามบินฉันก็กลับมานั่งอยู่ที่ โต๊ะทำงาน สะสางงานที่ค้างไว้ ส่งรูปให้ลูกค้า อีเมล์ เอกสารอีกสองสามแผ่น
เช้านี้ฉันทิ้งอินเดียไว้ข้างหลังฉัน แต่อินเดียก็จะอยู่ในความทรงจำฉันไปอีกนานแสนนาน การเดินทางหลายๆครั้งของฉันทำให้ฉันลบล้าง ทฤษฎีเขาว่า ไปได้อย่างหมดจด เขาว่า ใครว่า คนนี้ว่า คนนู้นว่า มันไม่ได้สำคัญไปกว่า ฉันลงมือทำ การเดินทางอันยิ่งใหญ่ของคนตัวเล็กๆ
Incredible India!
The only impossible journey is the one you never begin.
Friday, September 16, 2016
Incredible India
Namaste Day 11
New Delhi
วันส่งท้ายกรุงนิวเดลี วันที่ฉันตั้งใจที่จะเดินเที่ยวตลาดอินเดียให้สาสมแก่ใจ เริ่มจากตลาดชื่อดังอย่างตลาดทิเบตแล้วแวะวนไปเรื่อยๆจนถึงตลาดใต้ดิน ตลาดทิเบตเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวมากมีของแฮนด์เมดสวยๆให้เลือกมากมายจนทำเอาฉันใจละลาย กระเป๋าปักลูกปัดสวยๆงานละเอียดยิบ ปลอกหมอน ผ้าปูโต๊ะ รองเท้าอินเดียที่โครตจะอินดี้ งานแก้ว งานลูกปัด สีสันสดใสต้องตาต้องใจไปหมดจนอยากซื้อมาทั้งตลาด ตลาดใต้ดินที่อยู่ถัดไปอีกหัวมุมถนนไม่ค่อยมีของที่ฉันชอบเพราะจะขายพวกเสื้อผ้าแบบทันสมัย ยีนส์ แว่นกันแดด กระเป๋า แต่สถานที่สุดยอดมากเพราะพี่แขกแกเจาะใต้ดินเหมือนทางรถไฟใต้ดินแต่ทำเป็นร้านค้าอยู่ในนั้น ร้านนับพันๆร้านเรียงรายกันอยู่ใต้ดิน ฉันเดินได้ไม่ถึงครึ่งชั้วโมงก็ยอมแพ้เพราะทั้งกลิ่นธูปที่สุดบูชาตามร้านต่างๆบวกกับกลิ่นสเปรย์ปรับอากาศ เดินกลับขึ้นมาลัดเลาะตามถนนไปเรื่อยๆตลาดร้านค้าหาได้ทุกซอกทุกมุม คนอินเดียชอบซื้อพอๆกับชอบขายและหากคนไทยมาเที่ยวอินเดียก็ให้เตรียมเงินสำหรับซื้อของมาเยอะๆเพราะของที่นี่น่าซื้อไปซะทุกอย่าง จริงๆ เดินท่องตลาดจนเหงื่อชุ่มหลังระยะทางคงนับสิบกิโลเมตร วันนี้สัญญากับตัวเองว่าจะไม่จ้างรถโดยสาร หอบของพะรุงพะรังเป็นบ้าหอบฟางเดินเหงื่อไหลไคลย้อยมายืนกินมะม่วงสุกจากร้านผลไม้ริมทาง มะม่วงอินเดียลูกโตเปลือกหนาเวลากินเขาไม่ปอกเปลือกแต่เขาจะคลึงให้ทั้งลูกน่วมแล้วกัดหัวมะม่วงดูดกินข้างใน ฉันเคยอ่านเจอเรื่องนี้มาก่อนและวันนี้ก็อยากลองของจริง เลือกมะม่วงลูกที่ถูกใจมาหนึ่งลูกและฉันก็เลือกลูกที่ไม่สุกจัดจนเกินไปเพราะคิดว่าโอกาสที่จะมีหนอนข้างในย่อมน้อยกว่า เอาน้ำดื่มที่ซื้อเตรียมไว้ล้างให้สะอาด อันนี้ทำเองนะแขกเขาไม่ล้างกันหรอก คลึงมะม่วงจนข้างในน่วมเละแล้วจัดการกัดหัวมะม่วงดูดเอาเนื้อกิน ป้าาาาาซซซซ โน่นหัวหูหน้าฉันรวมทั้งเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวตัวที่สะอาดที่สุดและยังไม่เคยใส่ตั้งแต่เอายัดเป้มาจากบ้านเลอะเทอะไปด้วยเศษมะม่วง แทนที่จะช่วยเหลือพี่แขกคนขายมะม่วงกลับทำหน้ามึนๆใส่ฉัน เฮ้ออออ อินดี้จริงๆ เดินลากสังขารผ่านตลาดสดอีกสองสามตลาดแวะซื้อทับทิมลูกงามๆสองสามลูกเอาไปกินในห้อง แวะซื้อกระเป๋าใบใหญ่สำหรับใส่สมบัติที่ซื้อหามา ใจไม่ได้คิดถึงสภาพตัวเองแล้ว หัวหู เสื้อผ้า หน้าตาจะเป็นยังไงมันไม่ได้สำคัญอะไร เพราะมันเป็นอินเดีย!
กลับมาที่พักเอาของมาเก็บเพราะหิ้วไม่ไหวแล้วออกไปเดินดูร้านรวงบนถนนหน้าโรงแรม ของที่นี่ก็น่าซื้อหาไปหมด ได้รองเท้าอีกหลายคู่ กางเกงอีกหลายตัว ผลิตภัณฑ์หิมาลายาที่เขาล่ำลือกันว่าดีนักดีหนาอีกหลายหอบ รับหิ้วของเล็กๆน้อยๆจากเพื่อนฝูงในไทยหาค่าข้าวที่สนามบินพรุ่งนี้ อิอิ ระหว่างทางเจอขบวนแห่พระพิฆเนศหรือที่นี่เรียกว่า Ganesh Chaturthi เขาจะแห่พระพิฆเนศไปยังแม่น้ำยมนาหรือแม่น้ำที่อยู่ใกล้ ขบวนสนุกมากเต้นกันจนตับคลอนพร้อมกับมีการโปรยสีเหมือนพิธีโฮลี่ที่เคยเจอที่อินเดียใต้สิบกว่าปีก่อน ฉันเดินร่วมขบวนไปกับเขาจนสุดถนน เสื้อผ้าผมเผ้าเต็มไปด้วยสี เต้นกันจนเหนื่อยหอบทั้งเด็กหนุ่มสาวและผู้ใหญ่ นักบวชที่นั่งอยู่บนรถแห่ยื่นกล้วยให้ฉันหนึ่งใบซึ่งมารู้ทีหลังว่าสำหรับเก็บไว้บูชาที่บ้าน ฉันไม่รู้นึกว่าให้กินก็เลยปอกกินไปเรียบร้อย อันนี้ท่าจะได้บุญหนัก
อินเดียไม่เคยทำให้ใครรู้สึกเบื่อ ถ้าอินเดียเป็นอาหารก็คงเป็นต้มยำน้ำข้นหรือไม่ก็แกงส้มปักษ์ใต้ มันครบรส มันครบสี มันมาพร้อมกันหลายๆกลิ่น อินเดียให้อะไรกับฉันมากมายโดยเฉพาะสอนให้ฉันอดทนและใจเย็นขึ้น ขอบคุณอินเดียที่ให้หมายเลขสี่สิบสามของฉันเป็นอีกหนึ่งหมายเลขอันทรงคุณค่า Incredible India!
Wednesday, September 14, 2016
Incredible India
Namaste Day 10
Varanasi - New Delhi
ฉันบอกลาพาราณสีด้วยการเดินลัดเลาะตามตรอกซอกซอยเล็กๆในเขตเมืองเก่า เสื้อสามสี่ตัวที่ใช้นุ่งห่มมาตลอดการเดินทางครั้งนี้บวกกับเลกกิ้งที่มากับชุดอินเดียที่ซื้อใหม่เมื่อวานแต่ฉันไม่ถูกใจถูกเก็บใส่ถุงแล้วมอบให้กับคนเร่ร่อนที่นั่งรับทานอยู่ริมถนน ฉันไม่ค่อยแน่ใจว่าการให้เสื้อผ้าที่ใช้แล้วเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ แต่เห็นคนรับท่าทางดีใจก็คงจะเป็นสิ่งที่ควรกระทำ คนอินเดียยังคงใช้ระบบชนชั้นวรรณะ คนวรรณะสูงจะไม่ยอมใช้ของร่วมกับคนวรรณะต่ำแม้กระทั่งอาหารและอุปกรณ์การดื่มกิน หลายๆที่ขายจัยและลาสซี่บรรจุในถ้วยดินเผา กินดื่มเสร็จก็ปาถ้วยให้แตกเพราะกลัวคนวรรณะต่ำกว่านำไปใช้ ฉันแอบเสียดายและสงสารถ้วยดินเผาใบเล็กน่ารักพวกนั้นก็เลยไม่เคยปาให้แตกเลย เก็บข้าวของเครื่องใช้แล้วล่ำลาหนุ่มใหญ่เจ้าของที่พักที่จัดการเรื่องรถไปส่งสนามบินให้ฉันเรียบร้อย เขาทำตาละห้อยและพร่ำว่าเสียใจที่ฉันจากไปในวันนี้ ฉันบอกเขาว่าถ้าเป็นประสงค์ของพระเจ้า วันหนึ่งฉันก็ต้องกลับมา อยู่อินเดียมาหลายวันคารมณ์ฉันเริ่มจะอินดี้ ที่จริงแล้วเขาเป็นคนน่ารัก สองค่อนคืนเรานั่งคุยกันที่ล้อบบี้และเขายังใจดีปริ้นท์บอร์ดดิ้งพาสให้ฉันเพื่อที่ฉันจะไม่ต้องเสียเวลาต่อแถวที่สนามบิน โรงแรมเขาเป็นโรงแรมเล็กๆแต่จัดแต่งได้น่ารักและสะอาดสะอ้าน ฉันก็ได้แต่อวยพรให้เขามีความสุขกับงานและชีวิตเขา
หนึ่งชั่วโมงรถแท็กซี่จากแม่น้ำคงคาฉันก็มาถึงสนามบินพาราณสีและอีกหนึ่งชั่วโมงบินฉันก็กลับมาที่เดิมที่ๆฉันเริ่มต้นการเดินทางครั้งนี้ กรุงนิวเดลี จากสนามบินฉันตัดสินใจใช้บริการรถไฟใต้ดินเพราะค่าแท็กซี่จากสนามบินเข้าเมืองแพงโข จำได้ว่าตอนขามาจ่ายไปเจ็ดร้อยห้าสิบรูปี ค่ารถจากอาคารภายในประเทศไปสถานีรถไฟใต้ดินสนามบินสามสิบรูปี บวกกับค่ารถไฟใต้ดินสนามบินไปสถานีกลางเมืองเดลีอีกห้าสิบรูปี ราคาต่างกันมากโข รถไฟใต้ดินแอร์พอร์ตเอ็กซ์เพรสของอินเดียดีมากๆ สะอาด สะดวก รวดเร็ว จนฉันแอบคิดไม่ได้ว่าดีกว่าแอร์พอร์ตลิ้งค์ของกรุงเทพเสียอีก ออกจากรถไฟใต้ดินมาก็กะจะเดินไปที่พักเพราะดูจากแผนที่กูเกิ้ลแค่สิบห้านาที เดินตามแผนที่มาปรากฏว่าทางที่จะเดินเขาห้ามเข้าก็เลยเดินอ้อมไปอ้อมหาแล้วเกิดหลง ตัดสินใจไหนก็ไหนๆละงั้นนั่งสามล้อไปก็แล้วกันระยะทางก็ไม่ถึงสองกิโล นั่นเป็นการตัดสินใจพลาดมหันต์ของฉัน ด้วยข้อตกลงราคาค่าโดนสารหนึ่งร้อยยี่สิบรูปี คนถีบสามล้อพาฉันไปวนไปวนมาพอฉันบอกให้ไปตามแผนที่ก็เอะอะโวยวาย ไปถึงกลางทางเขาพาฉันแวะโรงแรมที่ฉันไม่ได้จองไว้ฉันก็บอกพนักงานโรงแรมนั้นไปว่าฉันจองที่อื่นไว้แล้ว ฉันเห็นท่าจะไม่ไหวก็เลยจะลงตรงนั้นแต่คนถีบสามล้อไม่ยอมพร้อมส่งสัญญาณให้กลับมานั่งบนสามล้อเหมือนเดิมและปั่นต่อไปเรื่อยๆตามเส้นทางที่ควรจะเป็น ระหว่างทางฉันไม่เข้าใจว่าเขาพูดอะไรเพราะเขาพูดแต้ภาษาฮินดี พอสามล้อเลี้ยวมาถึงถนนที่โรงแรมฉันตั้งอยู่ฉันเริ่มใจชื้น คนถีบสามล้อจอดอีกสองสามครั้งพยายามจะให้ฉันเข้าพักที่ๆฉันไม่ได้จองไว้ ฉันเข้าใจดีว่าเขาคงอยากได้ค่าน้ำ อีกแค่ไม่กี่ร้อยเมตรฉันจะถึงที่พักเขาก็พยายามจอดอีกและฉันก็หมดความอดทนเลยชี้ไปที่ป้ายโรงแรมที่ฉันจองไว้ เขาจอดสามล้อหน้าโรงแรมที่ฉันของไว้ฉันกล่าวขอบคุณเขาพร้อมยื่นเงินให้เขาหนึ่งร้อยยี่สิบรูปีและเพิ่มให้อีกยี่สิบรูปีเป็นค่าทิปตามหลักอินเดีย เขาไม่ยอมรับเงินและบอกกับฉันว่าต้องสองร้อยห้าสิบรูปี โลกทั้งโลกมืดไปหมดสำหรับฉันวินาทีนั้น ฉันบอกเขาว่านี่เงินของคุณ ค่าโดยสารที่ฉันต้องจ่ายให้คุณ หนึ่งร้อยยี่สิบรูปีบวกอีกยี่สิบรูปีเป็นค่าทิปสำหรับระยะทางสองกิโลเมตร เขาก็ยังโวยวายและไม่ยอมรับ ฉันวางเงินจำนวนนั้นลงบนเบาะสามล้อแล้วเดินผ่านพนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงแรมเข้าประตูโรงแรมไป โชคดีที่โรงแรมที่พักที่ฉันจองไว้เป็นโรงแรมระดับดีตนถีบสามล้อจึงไม่สามารถตามเข้ามาได้ และระหว่างที่เขาส่งเสียงโวยวายอยู่หน้าโรงแรมก็มีพนักงานหลายคนออกมาดู ฉันเดินไปที่รีเซฟชั่นโรงแรมจัดการเรื่องเช็คอินแต่ตาก็อดเหลือบไปมองคนถีบสามล้อที่ยังยืนอยู่ข้างนอกส่งเสียงโวยวายใส่พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่ได้ ฉันทนไม่ไหวเพราะรู้สึกว่าสิ่งที่คนคนนี้ทำมันไม่ถูกต้องก็เลยเอ่ยปากฝากเป้ไว้กับพนักงานต้อนรับโรงแรมแล้วเดินกลับออกไปที่พนักงานรักษาความปลอดภัย คนถีบสามล้อ และพนักงานโรงแรมอีกสองคน พวกเขาถามฉะนว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันอธิบายถึงข้อตกลงราคา ระยะทาง และการกระทำของคนถีบสามล้อ ฉันบอกเขาไปว่าปัญหามันไม่ได้อยู่ที่จำนวนเงินที่เขาต้องการจากฉัน แต่ปัญหามันอยู่ที่เขาทำไม่ถูก เขาเอาเปรียบผู้โดยสาร เขาหลอกผู้โดยสารและเขาเป็นคนไม่ดี ฉันบอกกับเขาผ่านคำแปลของพนักงานโรงแรมซึ่งฉันไม่แน่ใจว่าเขาจะแปลอย่างที่ฉันบอกหรือไม่ว่า ถ้าเงินอีกหนึ่งร้อยกว่ารูปีของฉันทำให้เขามีความสุขฉันก็จะจ่ายเพิ่มให้ โหหหหหห...นึกย้อนกลับไปแล้วเห็นตัวเองโครตแมนเลย แต่สรุปฉันจ่ายเพิ่มอีกยี่สิบรูปี คนถีบสามล้อก็แฮ้ปปี้ แก่น_ _ _ เงินไม่ถึงสิบบาททำเอาป้าโมโหจนหน้ามืด
ที่พักสวยงามเหมือนกับที่คิดไว้และอยู่บนถนนการค้าและท่องเที่ยวของเดลี ฉันออกไปเดินเล่นดูร้านรวงและได้ของติดมือมาสองสามชิ้น แวะซื้อไก่ย่างพร้อมข้าวผัดเม็ดยาวรีมาเป็นมื้อค่ำ กล้วยหอมงามๆอีกครึ่งหวี น้ำอ้อยคั้นสดบีบมะนาวใส่เพิ่มความสดชื่น ถนนเมนบาซ่าคึกคักนัก รถราวิ่งกันขวักไขว่ ผู้คน ฝูงวัว แพะ ยังมีทุกที่เหมือนเดิม ฉันเดินผ่านผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งกำลังถกเถียงเรื่องค่าโดยสารกับคนถีบสามล้อโยนเงินใส่กันไปโยนเงินใส่กันมา แล้วฉันก็คิดมาถึงตัวเอง ที่จริงเรื่องที่เกิดขึ้นกับฉันมันไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไรเลย มำไมฉันต้องอารมณ์เสียและคิดไปขนาดนั้น มันเป็นเกมส์ มันเป็น.....อินเดีย Incredible India!
Incredible India
Namaste Day 9
Varanasi
เสน่ห์ของพาราณสีมีมากพอที่ทำให้ฉันตัดสินใจอยู่ต่ออีกและมันก็หมายความว่าเวลาที่จะมีให้เดลีนั้นสั้นลงตามไปด้วย แต่พาราณสียังมีอีกสองสามอย่างที่ฉันอยากสัมผัส ช่วงเช้าฉันเดินจากท่านำ้นั้นไปท่าน้ำนี้ดูวิถีชีวิตของผู้คนริมแม่นำ้คงคา อาบน้ำ ลอยกระทงเทียน ล่องเรือชมท่าน้ำ บริการโกนหนวด นักบุญหลายสิบคนก็สวดมนต์ฮึมฮัมกันไป ฉันเดินจนมาจบที่ท่าน้ำเผาศพอีกครั้ง ชายสองสามคนโกยขี้เถ้าและเศษสิ่งที่เหลือจากการเผาไหม้ลงไปในแม่น้ำ ปรับพื้นทรายให้เรียบแล้ววางกองฟืนขึ้นสามสี่ชั้นก่อนจะวางศพลงไปแล้วตามด้วยกองฟืนอีกหลายชั้น ศพแล้วศพเล่าที่พวกเขาเผา วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า ว่ากันว่าไฟเผาศพริมแม่น้ำคงคาไม่เคยดับมานานนับพันปีเลยทีเดียว
จากท่าน้ำฉันเดินย้อนออกมาถนนใหญ่หาริกชอว์เพื่อไปสารนาถ ซึ่งเป็นพุทธสังเวชนียสถานแห่งที่สาม (หนึ่งในสี่ของชาวพุทธ) สารนาถหรือที่รู้จักกันดีว่าอิสิปตนมฤคทายวันอยู่ห่างจากเมืองพาราณสีไปทางเหนือประมาณสิบกิโลเมตร เหตุที่ได้ชื่อว่าสารนาถ เนื่องมาจากสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา เริ่มต้นประกาศพระพุทธศาสนาเพื่อเป็นที่พึ่งแก่มหาชนทั้งหลาย และบ้างก็ว่ามาจากศัพท์ว่า สารงฺค + นารถ = ที่อยู่ของสัตว์จำพวกกวาง เส้นทางไปสารนาถก็ขับย้อนกลับไปทางที่เคยผ่านมาแล้วจากสนามบินและสถานีรถไฟแล้วข้ามแม่น้ำวรุณะ หนทางเต็มไปด้วยฝุ่นควัน หลายๆครั้งต้องขับหลบพาหนะของพระศิวะหลายๆตัวที่นอนกันอยู่กลางถนน ฉันควักหน้ากากอนามัยที่พร้อมกับแว่นกันแดดโตมาใส่ ปัจจัยสำคัญที่เตรียมไว้สำหรับสถานการณ์แบบนี้มาโดยเฉพาะ ระยะทางไม่ได้ไกลนักแต่เพราะทางลำบากก็เลยใช้เวลาเดินทางเกือบหนึ่งชั่วโมง ฉันแอบรู้สึกตื่นเต้นเมื่อมาถึงอิสิปตนมฤคทายวัน จำได้ว่าตอนเรียนชั้นประถมใช้เวลาอยู่นานกว่าจะพูดชื่อนี้ได้ วิชาพระพุทธศาสนาที่เรียนมาก็กล่าวถึงสถานที่นี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก ออกข้อสิบมาก็หลายข้อหลายชั้นเรียน วันนี้ได้มาให้เห็นกับตา บัตรผ่านประตูราคาสองร้อยรูปีแต่ฉันยื่นพาสปอร์ตไทยให้เจ้าหน้าที่ เขามองมาที่พาสปอร์ตฉันแล้วบอกว่าสองร้อยรูปี ฉันมองตรงไปในตาของเขาและย้ำกับเขาว่าฉันเป็นคนไทย ส่ายหัวยึกยักสองทีเขาก็ฉีกตั๋วส่งมาให้ราคาสิบห้ารูปี รับตั๋วมาพร้อมยื่นเงินให้เขาสิบห้ารูปีแล้วเดินออกมา การเดินทางสอนให้ฉันเตรียมตัวให้พร้อม ข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญและข้อมูลต้องมีการอัพเดท ฉันไม่เคยเชื่อข้อมูลในหนังสือที่มีอายุนานกว่าหกเดือน ข้อมูลจากคนที่เคยไปมาเมื่อหลายปีก่อน ข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต ฉันแค่เอาข้อมูลเหล่านั้นมารวมกันและประมวลกับข้อมูลปัจจุบันและประสบการณ์ของตัวเอง สถานที่แต่ละที่ในอินเดียหากมีการเก็บค่าตั๋วจะมีสองราคา ราคาคนอินเดีย และราคาคนต่างชาติ ไทยและอินเดียมีข้อตกลงร่วมกันอยู่หลายข้อซึ่งฉันก็ไม่รู้ทั้งหมดแต่พอจะรู้บ้างว่าสถานที่ท่องเที่ยวหลายๆที่คนไทยสามารถซื้อตั๋วได้ในราคาคนอินเดีย พนักงานเช็คตั๋วตรงประตูเข้าทำหน้างงๆเมื่อฉันยื่นตั๋วสีขาวให้เขาซึ่งเป็นตั๋วคนอินเดีย และทำท่าจะกันฉันไม่ให้เข้า ฉันบอกกับเขาว่าเป็นคนไทย นี่ก็แสดงว่าคงมีคนไทยหลายๆคนเสียเงินราคานักท่องเที่ยวที่อิสิปตนมฤคทายวัน ด้านในสงบเงียบสมเป็นปูชนียสถาน แดดจัดทำให้ฉันเดินแค่ให้ผ่านซากปรักหักพังของเจดีย์แบบเร็วๆ มาหลบแดดอยู่ใต้ต้นไม้และนั่งทำใจสงบนิ่งอยู่ใต้ต้นไม้สิบนาที ฉันมาถึงแล้วดินแดนของพระพุทธเจ้า
นั่งริกชอว์กลับเข้ามาริมแม่น้ำคงคา ระหว่างทางเดินกลับที่พักแวะซื้อเสื้อผ้าใหม่ เสื้อที่เอามาจากบ้านใส่เสร็จแล้วมีหลายตัวต้องทิ้งไปเพราะฝุ่นควันเกาะซักไม่ออก จากเสื้อสีขาวกลายเป็นสีครีมและหลังจากพยายามซักแล้วฉันก็ยอมแพ้ก็เลยใส่แล้วทิ้ง ไม่ได้เสียดายอะไรเพราะเป็นเสื้อราคาถูก ดีเหมือนกันไม่ต้องแบกกลับให้เมื่อยหลัง เดินผ่านพ่อค้าขายน้ำทับทิมเห็นเขากำลังนั่งแกะทับทิมสีแดงช้ำน่ากินก็เลยซื้อชิมหนึ่งแก้ว ทับทิมลูกเล็กๆแต่ข้างในสีสวย แกะเมล็ดออกมาแล้วเอาใส่ไปในเครื่องคั้นได้น้ำทับทิมสีสวยออกหนึ่งแก้ว เดินฮัมเพลงที่ตัวเองคิดว่าเป็นเพลงฮินดีหาทางกลับที่พัก วันนี้นอกจากจะมีแพะ วัว คน จักรยาน มอเตอร์ไซค์ โยคี บาบู แล้วก็ยังมีลิงอีกหลายตัวเดินสวนกันไปมา ไม่ได้รีบร้อนอะไรก็แวะจิบจัยบ้าง กินนานกับแกงถั่วตามข้างทางบ้างสบายใจอินดี้ เดินผ่านไปมาบ่อยๆจนคนชักจะจำหน้าได้ เสียงทักทายมีมาเป็นระยะๆ นามัสเต นามัสเต บาบูหรือนักบวชที่นั่งรอรับทานริมทางถึงกับกล้าเอ่ยปากแซวฉัน "วันนี้ไม่ถ่ายรูปบาบูเหรอ สิบรูปีเอง"
ก่อนค่ำออกไปริมท่าน้ำอีกรอบโดยมีหนุ่มน้อยหน้าตาดีตามมาตั้งแต่ออกจากที่พัก เริ่มคิดเข้าข้างตัวเองว่าเนื้อหอมชะมัดตั้งแต่มาอินเดีย พูดไปแล้วหนุ่มอินเดียก็แปลกไม่ใช่เล่น บางครั้งฉันคิดว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ ขายของ พาไปร้านโน้นร้านนี้เพื่อเอาค่าคอมมิชชั่น แค่อยากเป็นเพื่อนด้วย หรืออื่นๆ เดาไม่ถูกเลยจริงๆ บางครั้งนึกว่าเขามาคุยด้วยเฉยๆแต่กลับกลายเป็นมาหาผลประโยชน์ บางครั้งฉันคิดว่าเขาจะมาขายโน่นนี่นั่นให้กลับกลายเป็นว่าแค่มาคุยด้วยและเดินเป็นเพื่อน มีอยู่คนหนึ่งหลังจากเดินเป็นเพื่อนได้เกือบครึ่งชั่วโมงก็ชวนไปดื่มชา พอฉันบอกว่าดื่มมาแล้วเขาก็เปลี่ยนแนวเป็นชวนไปกินข้าว ฉันบอกว่ากินมาแล้วเหมือนกันเขาก็ชวนไปนั่งรับลมบนชั้นดาดฟ้าร้านอาหารเพื่อนเขา ฉันบอกไม่อยากไปเขาก็บอกว่างั้นไปทำอย่างอื่นก็ได้ไหนๆเธอก็มาถึงอินเดียแล้ว ลองอินเดียละยัง? เออออถามกันหน้าซื่อๆตาใสๆไม่มีเจตนาทำให้โกรธ คนอะไร ประเทศอะไรน่ารักจัง นี่ยังไม่รวมไปถึงร้านที่ขายลาสซี่ที่มีข้อเสนอพิเศษบริการเสริมลาสซี่มาลีฮวนน่า บุหรี่ยัดใส้และอื่นๆอีกมากมาย
หนึ่งทุ่มตรงไปยืนเบียดคนนับพันเพื่อร่วมพิธีบูชาไฟริมแม่น้ำคงคา พิธีกรรมคืนนี้ย้ายจากดาดฟ้าลงมาบนหาดเพราะระดับน้ำลดลงมากนับเป็นโชคดีของฉันที่ได้เห็นพิธีกรรมใกล้ๆ แต่ก็เกือบเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่เพราะคนเยอะเหลือเกิน เบียดเสียดกันจนฉันหายใจไม่ออกและสุดท้ายก็ยอมแพ้เดินแทรกผู้คนออกมายืนหอบอยู่บนถนน เดินย้อนออกมาหาวิธีส่งท้ายพาราณสี ใจคิดไปถึงเบียร์สักขวดแต่หาซื้อยากมากแม้แต่ในร้านอาหารก็ไม่มีขาย ชีวิตสุวรรณีน้อยนอกจากจะไม่ได้ลิ้มรสเนื้อสัตว์มาก็หลายวันแล้ว คืนนี้อยากลิ้มรสเบียร์ก็หาซื้อไม่ได้อีก.... Incredible India!
Monday, September 12, 2016
Incredible India
Namaste Day 8
Varanasri
ตีห้ากว่าๆฉันถูกปลุกด้วยเสียงร้องเพลงฮินดูจังหวะแร็พจากพนักงานโรงแรมหนุ่มคนเดิมที่แหกปากร้องเพลงจนถึงเกือบตีสอง คนอินเดียชอบดูหนังฟังเพลงเป็นอันมาก ห้องพักของฉันเป็นห้องเล็กๆชั้นล่างติดกับห้องโถงที่ใช้สำหรับทำกิจกรรม ดูทีวี อ่านหนังสือ นั่งคุยกัน และร้องเพลง ดูเหมือนว่าฉันจะเป็นลูกค้าคนเดียวของที่นี่ โรงแรมเล็กๆเก่าๆและกำลังอยู่ในระหว่างปรับปรุง เสียงดังจากการตอกตะปูบวกกับเสียงทีวีและเสียงร้องเพลงของพนักงานหนุ่มสี่ห้าคนตลอดวันและเกือบตลอดคืนคนทำให้ฉันไม่ชอบใจนัก ห้องนำ้รวมบวกกับต้องซื้อไวไฟใช้อีกหนึ่งร้อยรูปียิ่งทำให้ฉันไม่ชอบใจหนักยิ่งขึ้น เจ็ดโมงเช้ากว่าๆหลังจากจองห้องพักที่ใหม่ได้ฉันออกไปล้างหน้าล้างตาและคว้าเป้กับอุปกรณ์ถ่ายรูปไปท่าน้ำ แวะดื่มจัยถ้วยโตระหว่างทางทำให้รู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้น ท่าน้ำตอนเช้าคึกคักไปด้วยผู้คนที่มาสักการะแม่น้ำคงคา กราบไหว้ทำพิธีเสร็จก็ลงไปอาบดำจนมิดศีรษะพร้อมดื่มกิน คงต้องเป็นพลังศรัทธาจริงๆจึงจะทำได้เพราะสภาพน้ำสีขุ่นจนติดดำ ฉันเดินดูจนทั่วบริเวณท่าน้ำDarphangaซึ่งเป็นท่าน้ำหลักของที่นี่จากหลายๆสิบท่าน้ำ มาหยุดนั่งพักอยู่ตรงขั้นบันไดของท่าน้ำและเก็บรายละเอียดทุกอย่างไว้ในความทรงจำ ชาวฮินดูทุกเพศทุกวัยอยู่กันที่ท่าน้ำนี้เสมือนกับเป็นกิจกรรมของครอบครัวที่จะขาดไม่ได้ หลายๆคนเดินทางมาจากต่างเมืองดูจากลักษณะการแต่งกาย บ้างก็ลงอาบน้ำ บ้างก็ซื้อกระทงดอกไม้ธูปเทียนจุดลอยบูชาไปในแม่น้ำ บ้างก็นำภาชนะมาตักเอาน้ำไปบูชาหรืออาจจะไปฝากคนทางบ้าน นั่งอยู่คนเดียวเงียบๆไม่เกินห้านาทีฉันก็ได้เพื่อนใหม่ You are never alone in India มันคือเรื่องจริงที่สุด คนอินเดียสนใจคนต่างชาติมาก เขาจะเข้ามาคุยด้วยมาถามชื่อถามอายุถามที่มาและท้ายสุดถ้าเขามีโทรศัพท์มาด้วยเขาจะขอถ่ายรูปคู่ด้วยและขอเบอร์what's app คงเป็นแอพพลิเคชั่นที่ฮิตเอามากในอินเดีย เด็กสาวรับเพ้นท์เฮนน่าเดินตามฉันมาพักใหญ่และมานั่งกระแซะข้างๆไม่ยอมห่าง ฉันอยากมีโมเม้นส่วนตัวริมแม่นำ้คงคาก็เลยจ้างเธอไปเก็บใบโพธิ์มาให้โดยมีข้อแม้ว่าต้องเอาใบเล็กๆและสวยๆเท่านั้น ไม่ถึงสิบนาทีเธอก็กลับมาพร้อมใบโพธิ์จำนวนหนึ่งซึ่งฉันจะเอาไปฝากคนทางบ้าน ก็ให้เงินเธอไปพร้อมกับยาหม่องตราลิงอีกหนึ่งอันแต่เธอก็ไม่วายจะตื้อฉันให้ใช้บริการเพ้นท์เฮนน่าจากเธอ
ใช้เวลานานโขสำหรับหาทางกลับมาห้องพัก หลงทางมันเป็นเรื่องปรกติของที่นี่ แต่ไม่ว่าหลงยังไงสุดท้ายก็หาทางเจอทุกครั้งมันน่าแปลกจริงๆ ซอกเล็กซอกน้อยพร้อมกิ่นขี้วัวขี้คนยามเช้าทำให้ฉันรู้สึกเวียนหัว กลิ่นขี้วัวที่นี่ไม่ได้กลิ่นเหมือนขี้วัวบ้านเรา วัวอินเดียกินขยะกลิ่นขี้ก็เลยคาวมาก บางที่ฉันแอบตกใจไม่ได้ที่เห็นอาหารของวัวที่นี่ เศษอาหาร กระดาษหนังสือพิมพ์ ถุงพลาสติก เรียกว่ากินทุกอย่างที่มนุษย์ทิ้งไว้บนถนน พอวัวขี้ออกมาหมาเดินมากินขี้วัวต่ออีกทีหนึ่งเหมือนกับระบบรีไซเคิล กลับมาถึงห้องพักกะว่าจะนั่งเขียนบล้อคแต่ปรากฏว่าไม่มีสัญญาณไวไฟซึ่งที่จริงก็ไม่มีมาตั้งแต่ตอนเช้าแล้วพอออกไปถามที่พนักงานก็บอกว่าใช้งานไม่ได้ ฉันเกิดอาการหัวเสียและก็ไม่ได้ชอบที่จะพักที่นี่อยู่แล้วก็เลยเก็บของใส่เป้ออกไปเช็คเอ้าท์ ค่าห้องพัก ค่าอาหารเมื่อวาน ค่าน้ำดื่มและค่าไวไฟ ฉันถามกลับไปว่าในเมื่อไวไฟใช้งานไม่ได้ตลอดครึ่งวันฉันยังต้องจ่ายเต็มราคาอีกหรือ พนักงานตอบว่าต้องจ่ายราคาเต็มและต้องขอโทษด้วยในความไม่สะดวก ฉันตอบไปว่าไม่เป็นไรเพราะที่ถามก็แค่อยากรู้แค่นั้นเอง ก่อนเดินออกมาเขาขอร้องให้ฉันเขียนรีวิวลงในTrip Advisor ฉันเขียนให้เขาแน่ๆแต่รีวิวของฉันมันคงไม่ทำให้ธุรกิจเขาดีขึ้น
ระหว่างเดินไปที่พักใหม่ก็ได้เพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน หนุ่มอินเดียเดินมาตีซี้และชวนฉันคุยโน่นนี่นั่น แนะนำสถานที่เที่ยว แนะนำร้านจิวเวลรี่ ร้านผ้าไหม ฉันปฏิเสธไปทุกอย่างที่เขาเสนอและสุดท้ายเขาขอเป็นเพื่อนเดิน เอาสินะมีคนเดินเป็นเพื่อนก็ดี แถมคอยอธิบายเรื่องโน้นนี้ให้ฟัง ฉันหยุดถ่ายรูปมั่ง หยุดแลกเงินมั่ง เขาก็คอยตามอยู่ห่างๆ จนสุดท้ายฉันแวะกินมูสลี่ลาสซี่เกือบชั่วโมง เขาคงขี้เกียจรอก็เลยหายไปเลย ที่พักใหม่เงียบสงบถูกใจฉันมาก ถึงแม้จะอยู่ลึกเข้าไปในตรอกและหาค่อนข้างยากแต่ฉันก็พอใจ เขตเมืองเก่าพาราณสีที่ติดกับแม่น้ำคงคาไม่ได้มีโรงแรมทันสมัย ส่วนมากจะเป็นห้องเล็กๆ ติดพัดลม ห้องน้ำรวมและไม่มีน้ำอุ่น ถ้าอยากพักห้องดีๆก็ต้องไปพักเขตเมืองใหม่แต่ต้องเดินไกลจากท่าน้ำ ฉันมาพาราณสีเพื่อจะดูวิถีคงคาและมาอินเดียเพื่อที่จะซึมซาบความเป็นอินเดีย ห้องเล็กๆในเขตเมืองเก่าคือสิ่งที่ฉันต้องการ
ช่วงบ่ายฉันออกไปตามหาอีกสิ่งหนึ่งที่ฉันอยากเห็นที่พาราณสี พิธีเผาศพริมแม่น้ำคงคาของชาวฮินดู ฉันอ่านข้อมูลล่วงหน้าไว้มากเพราะไม่อยากทำอะไรที่เป็นการลบหลู่ผู้ตายและญาติของเขา ช่วงแรกฉันเดินไปที่ท่าน้ำใกล้กับท่าน้ำที่เผาศพและมองจากมุมไกล กองฟอนริมแม่น้ำคงคาไม่เคยดับ ศพแล้วศพเล่าถูกนำมาเผาที่นี่และอีกหนึ่งท่าน้ำทางทิศเหนือ ระยะห่างหลายร้อยเมตรจากที่เผาศพแต่ฉันก็สัมผัสถึงไอร้อน ลมเปลี่ยนทิศทำให้ฉันได้กลิ่นการเผาไหม้ของศพ นับเป็นครั้งแรกในชิวิตที่ฉันได้สัมผัสกลิ่นแบบนี้เพราะทุกครั้งที่ฉันไปร่วมงานชาปณกิจศพที่ไทยฉันไม่เคยอยู่นานจนถึงตอนจุดไฟ ฉันกลัว กลัวว่าจะได้กลิ่นศพไหม้ แต่ที่จริงแล้วกลิ่นมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรเหมือนกับที่ฉันจินตนาการมาตลอดชีวิต เดินลัดเลาะมาเรื่อยๆจนถึงท่าน้ำที่ทำการเผาศพจู่ๆตรงหน้าฉันก็มีร่างมนุษย์ห่อผ้าวางอยู่บนริมถนน ฉันตกใจมากทำอะไรไม่ถูกร้บเปิดเป้แล้วเอากล้องถ่ายรูปที่คล้องไหล่เก็บใส่เป้ให้เรียบร้อย กลัวว่าญาติพี่น้องคนตายเขาจะคิดว่าฉันถ่ายรูปพวกเขา ขณะที่กำลังงงอยู่ว่าควรทำยังไงต่อก็มีผู้ชายแต่งชุดขาวเดินเข้ามาหาฉันแล้วถามว่าอยากเห็นพิธีเผาศพเหรอ ฉันตอบไปว่าฉันเห็นแล้วจากมุมไกลท่าน้ำถัดไป เขาบอกว่าอยากเห็นใกล้ๆมั้ย ฉันรู้ว่าท่าน้ำนี้เขาห้ามนักท่องเที่ยวเข้าไปและให้เฉพาะญาติคนตายเข้าไปร่วมพิธีเท่านั้น มันเป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่ฉันควรคว้าเอาไว้ไม่ใช่หรือ? ฉันกลั้นใจตอบเขาว่าฉันอยากเห็นแล้วบอกต่อไปว่าฉันนับถือศาสนาพุทธศาสนาพุทธก็ใช้วิธเผาเหมือนกันและฉันก็ไม่อยากรบกวนหรือลบหลู่พิธีกรรมของพวกเขา ชายคนนั้นเขาบอกฉันว่าครอบครัวเขารับจ้างเผาศพริมแม่น้ำคงคามาแปดชั่วคนแล้วและเขาเป็นรุ่นที่แปด เขายินดีจะพาฉันไปดูแต่ห้ามถ่ายรูปและต้องยืนอยู่ในตำแหน่งที่เขาพาไป ฉันเดินลัดเลาะผ่านกองฟืนกองโตหลายๆกองที่เตรียมไว้สำหรับเผาศพ จนมายืนอยู่ระยะห่างจากกองเผาศพสี่ห้ากองไม่เกินสิบเมตร บางกองกำลังเริ่มเผา บางกองเผาไปได้พักหนึ่ง บางกองไฟเริ่มเบาบ้างแล้ว ขี้เถ้าปลิวว่อนไปทั่วบริเวณ ปลิวมาตกใส่ผมใส่หน้าใส่ตัวฉัน ฉันไม่กล้าแม้แต่จะยกมือปัด มัณคงเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาในชีวิตฉันที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก หมาตัวผอมๆเดินไปคุ้ยกองฟอนที่มอดแล้วและคงเย็นตัวลงพร้อมกับลากชิ้นส่วนอะไรบางอย่างออกไป ฉันตกใจเอ่ยถามชายชุดขาว เขาตอบว่าเป็นชิ้นส่วนของคนตายที่ไหม้ไม่หมด เขาชี้ไปยังเรือที่แล่นออกจากท่าน้ำแล้วไปหยุดอยู่กลางแม่น้ำ คนในเรือหย่อนห่อผ้าสีขาวเล็กๆสองห่อลงในแม่น้ำ เขาอธิบายว่านั่นคือศพเด็กทารกซึ่งจะไม่มีการเผาแต่จะหย่อนร่างให้จมลงไปใต้แม่น้ำคงคา และมีอีกสี่ประเภทศพที่จะไม่มีการเผาคือศพสาวพรหมจรรย์ ศพนักบวช ศพคนถูกงูกัดและ ศพคนถูกฟ้าผ่า เถ้าถ่านและเศษสิ่งที่เหลือจากการเผาศพก็จะถูกโปรยลงไปในแม่น้ำคงคาเพื่อดวงวิญญาณจะได้ขึ้นไปสู่สรวงสวรรค์ การเผาศพต้องทำภายในเจ็ดชั่วโมงหลังจากเสียชีวิตจึงทำให้มีโรงแรมมรณะเกิดขึ้นริมแม่น้ำคงคาสำหรับคนที่อยู่ไกลป่วยหนักและรู้ว่าต้องตายแน่ๆก็สามารถมานอนรอความตายอยู่ที่โรงแรมนี้ อีกหนึ่งงานของคนรับจ้างเผาศพก็คอคุ้ยเถ้ากระดูกและชิ้นส่วนที่ไหม้ไม่หมดเพื่อหาเศษทองและของมีค่าของศพเอาไปขายให้ช่างทองหลอมและทำออกมาขายใหม่ ส่วนหนึ่งของเงินที่ได้มาจะนำมาซื้อฟืนไว้เผาศพให้คนจนที่ไม่มีเงินพอจะซื้อฟืน เขาเสนอจะพาฉันไปดูทรัพย์สมบัติของศพที่หลงเหลือจากความร้อนของเปลวไฟแต่ฉันปฏิเสธ แค่นี้ก็หนักหนาสาหัสพอสำหรับฉันแล้ว ยกมือไหว้ทำความเคารพซากศพ เปลวไฟ และญาติผู้ตายแล้วฉันก็เดินหันหลังให้แม่น้ำศักดิ์สิทธ์ แม่น้ำคงคา
อินเดียในวันนี้ของฉันก็ยังคงเป็น Incredible India!
Subscribe to:
Posts (Atom)