Namaste Day 8
Varanasri
ตีห้ากว่าๆฉันถูกปลุกด้วยเสียงร้องเพลงฮินดูจังหวะแร็พจากพนักงานโรงแรมหนุ่มคนเดิมที่แหกปากร้องเพลงจนถึงเกือบตีสอง คนอินเดียชอบดูหนังฟังเพลงเป็นอันมาก ห้องพักของฉันเป็นห้องเล็กๆชั้นล่างติดกับห้องโถงที่ใช้สำหรับทำกิจกรรม ดูทีวี อ่านหนังสือ นั่งคุยกัน และร้องเพลง ดูเหมือนว่าฉันจะเป็นลูกค้าคนเดียวของที่นี่ โรงแรมเล็กๆเก่าๆและกำลังอยู่ในระหว่างปรับปรุง เสียงดังจากการตอกตะปูบวกกับเสียงทีวีและเสียงร้องเพลงของพนักงานหนุ่มสี่ห้าคนตลอดวันและเกือบตลอดคืนคนทำให้ฉันไม่ชอบใจนัก ห้องนำ้รวมบวกกับต้องซื้อไวไฟใช้อีกหนึ่งร้อยรูปียิ่งทำให้ฉันไม่ชอบใจหนักยิ่งขึ้น เจ็ดโมงเช้ากว่าๆหลังจากจองห้องพักที่ใหม่ได้ฉันออกไปล้างหน้าล้างตาและคว้าเป้กับอุปกรณ์ถ่ายรูปไปท่าน้ำ แวะดื่มจัยถ้วยโตระหว่างทางทำให้รู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้น ท่าน้ำตอนเช้าคึกคักไปด้วยผู้คนที่มาสักการะแม่น้ำคงคา กราบไหว้ทำพิธีเสร็จก็ลงไปอาบดำจนมิดศีรษะพร้อมดื่มกิน คงต้องเป็นพลังศรัทธาจริงๆจึงจะทำได้เพราะสภาพน้ำสีขุ่นจนติดดำ ฉันเดินดูจนทั่วบริเวณท่าน้ำDarphangaซึ่งเป็นท่าน้ำหลักของที่นี่จากหลายๆสิบท่าน้ำ มาหยุดนั่งพักอยู่ตรงขั้นบันไดของท่าน้ำและเก็บรายละเอียดทุกอย่างไว้ในความทรงจำ ชาวฮินดูทุกเพศทุกวัยอยู่กันที่ท่าน้ำนี้เสมือนกับเป็นกิจกรรมของครอบครัวที่จะขาดไม่ได้ หลายๆคนเดินทางมาจากต่างเมืองดูจากลักษณะการแต่งกาย บ้างก็ลงอาบน้ำ บ้างก็ซื้อกระทงดอกไม้ธูปเทียนจุดลอยบูชาไปในแม่น้ำ บ้างก็นำภาชนะมาตักเอาน้ำไปบูชาหรืออาจจะไปฝากคนทางบ้าน นั่งอยู่คนเดียวเงียบๆไม่เกินห้านาทีฉันก็ได้เพื่อนใหม่ You are never alone in India มันคือเรื่องจริงที่สุด คนอินเดียสนใจคนต่างชาติมาก เขาจะเข้ามาคุยด้วยมาถามชื่อถามอายุถามที่มาและท้ายสุดถ้าเขามีโทรศัพท์มาด้วยเขาจะขอถ่ายรูปคู่ด้วยและขอเบอร์what's app คงเป็นแอพพลิเคชั่นที่ฮิตเอามากในอินเดีย เด็กสาวรับเพ้นท์เฮนน่าเดินตามฉันมาพักใหญ่และมานั่งกระแซะข้างๆไม่ยอมห่าง ฉันอยากมีโมเม้นส่วนตัวริมแม่นำ้คงคาก็เลยจ้างเธอไปเก็บใบโพธิ์มาให้โดยมีข้อแม้ว่าต้องเอาใบเล็กๆและสวยๆเท่านั้น ไม่ถึงสิบนาทีเธอก็กลับมาพร้อมใบโพธิ์จำนวนหนึ่งซึ่งฉันจะเอาไปฝากคนทางบ้าน ก็ให้เงินเธอไปพร้อมกับยาหม่องตราลิงอีกหนึ่งอันแต่เธอก็ไม่วายจะตื้อฉันให้ใช้บริการเพ้นท์เฮนน่าจากเธอ
ใช้เวลานานโขสำหรับหาทางกลับมาห้องพัก หลงทางมันเป็นเรื่องปรกติของที่นี่ แต่ไม่ว่าหลงยังไงสุดท้ายก็หาทางเจอทุกครั้งมันน่าแปลกจริงๆ ซอกเล็กซอกน้อยพร้อมกิ่นขี้วัวขี้คนยามเช้าทำให้ฉันรู้สึกเวียนหัว กลิ่นขี้วัวที่นี่ไม่ได้กลิ่นเหมือนขี้วัวบ้านเรา วัวอินเดียกินขยะกลิ่นขี้ก็เลยคาวมาก บางที่ฉันแอบตกใจไม่ได้ที่เห็นอาหารของวัวที่นี่ เศษอาหาร กระดาษหนังสือพิมพ์ ถุงพลาสติก เรียกว่ากินทุกอย่างที่มนุษย์ทิ้งไว้บนถนน พอวัวขี้ออกมาหมาเดินมากินขี้วัวต่ออีกทีหนึ่งเหมือนกับระบบรีไซเคิล กลับมาถึงห้องพักกะว่าจะนั่งเขียนบล้อคแต่ปรากฏว่าไม่มีสัญญาณไวไฟซึ่งที่จริงก็ไม่มีมาตั้งแต่ตอนเช้าแล้วพอออกไปถามที่พนักงานก็บอกว่าใช้งานไม่ได้ ฉันเกิดอาการหัวเสียและก็ไม่ได้ชอบที่จะพักที่นี่อยู่แล้วก็เลยเก็บของใส่เป้ออกไปเช็คเอ้าท์ ค่าห้องพัก ค่าอาหารเมื่อวาน ค่าน้ำดื่มและค่าไวไฟ ฉันถามกลับไปว่าในเมื่อไวไฟใช้งานไม่ได้ตลอดครึ่งวันฉันยังต้องจ่ายเต็มราคาอีกหรือ พนักงานตอบว่าต้องจ่ายราคาเต็มและต้องขอโทษด้วยในความไม่สะดวก ฉันตอบไปว่าไม่เป็นไรเพราะที่ถามก็แค่อยากรู้แค่นั้นเอง ก่อนเดินออกมาเขาขอร้องให้ฉันเขียนรีวิวลงในTrip Advisor ฉันเขียนให้เขาแน่ๆแต่รีวิวของฉันมันคงไม่ทำให้ธุรกิจเขาดีขึ้น
ระหว่างเดินไปที่พักใหม่ก็ได้เพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน หนุ่มอินเดียเดินมาตีซี้และชวนฉันคุยโน่นนี่นั่น แนะนำสถานที่เที่ยว แนะนำร้านจิวเวลรี่ ร้านผ้าไหม ฉันปฏิเสธไปทุกอย่างที่เขาเสนอและสุดท้ายเขาขอเป็นเพื่อนเดิน เอาสินะมีคนเดินเป็นเพื่อนก็ดี แถมคอยอธิบายเรื่องโน้นนี้ให้ฟัง ฉันหยุดถ่ายรูปมั่ง หยุดแลกเงินมั่ง เขาก็คอยตามอยู่ห่างๆ จนสุดท้ายฉันแวะกินมูสลี่ลาสซี่เกือบชั่วโมง เขาคงขี้เกียจรอก็เลยหายไปเลย ที่พักใหม่เงียบสงบถูกใจฉันมาก ถึงแม้จะอยู่ลึกเข้าไปในตรอกและหาค่อนข้างยากแต่ฉันก็พอใจ เขตเมืองเก่าพาราณสีที่ติดกับแม่น้ำคงคาไม่ได้มีโรงแรมทันสมัย ส่วนมากจะเป็นห้องเล็กๆ ติดพัดลม ห้องน้ำรวมและไม่มีน้ำอุ่น ถ้าอยากพักห้องดีๆก็ต้องไปพักเขตเมืองใหม่แต่ต้องเดินไกลจากท่าน้ำ ฉันมาพาราณสีเพื่อจะดูวิถีคงคาและมาอินเดียเพื่อที่จะซึมซาบความเป็นอินเดีย ห้องเล็กๆในเขตเมืองเก่าคือสิ่งที่ฉันต้องการ
ช่วงบ่ายฉันออกไปตามหาอีกสิ่งหนึ่งที่ฉันอยากเห็นที่พาราณสี พิธีเผาศพริมแม่น้ำคงคาของชาวฮินดู ฉันอ่านข้อมูลล่วงหน้าไว้มากเพราะไม่อยากทำอะไรที่เป็นการลบหลู่ผู้ตายและญาติของเขา ช่วงแรกฉันเดินไปที่ท่าน้ำใกล้กับท่าน้ำที่เผาศพและมองจากมุมไกล กองฟอนริมแม่น้ำคงคาไม่เคยดับ ศพแล้วศพเล่าถูกนำมาเผาที่นี่และอีกหนึ่งท่าน้ำทางทิศเหนือ ระยะห่างหลายร้อยเมตรจากที่เผาศพแต่ฉันก็สัมผัสถึงไอร้อน ลมเปลี่ยนทิศทำให้ฉันได้กลิ่นการเผาไหม้ของศพ นับเป็นครั้งแรกในชิวิตที่ฉันได้สัมผัสกลิ่นแบบนี้เพราะทุกครั้งที่ฉันไปร่วมงานชาปณกิจศพที่ไทยฉันไม่เคยอยู่นานจนถึงตอนจุดไฟ ฉันกลัว กลัวว่าจะได้กลิ่นศพไหม้ แต่ที่จริงแล้วกลิ่นมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรเหมือนกับที่ฉันจินตนาการมาตลอดชีวิต เดินลัดเลาะมาเรื่อยๆจนถึงท่าน้ำที่ทำการเผาศพจู่ๆตรงหน้าฉันก็มีร่างมนุษย์ห่อผ้าวางอยู่บนริมถนน ฉันตกใจมากทำอะไรไม่ถูกร้บเปิดเป้แล้วเอากล้องถ่ายรูปที่คล้องไหล่เก็บใส่เป้ให้เรียบร้อย กลัวว่าญาติพี่น้องคนตายเขาจะคิดว่าฉันถ่ายรูปพวกเขา ขณะที่กำลังงงอยู่ว่าควรทำยังไงต่อก็มีผู้ชายแต่งชุดขาวเดินเข้ามาหาฉันแล้วถามว่าอยากเห็นพิธีเผาศพเหรอ ฉันตอบไปว่าฉันเห็นแล้วจากมุมไกลท่าน้ำถัดไป เขาบอกว่าอยากเห็นใกล้ๆมั้ย ฉันรู้ว่าท่าน้ำนี้เขาห้ามนักท่องเที่ยวเข้าไปและให้เฉพาะญาติคนตายเข้าไปร่วมพิธีเท่านั้น มันเป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่ฉันควรคว้าเอาไว้ไม่ใช่หรือ? ฉันกลั้นใจตอบเขาว่าฉันอยากเห็นแล้วบอกต่อไปว่าฉันนับถือศาสนาพุทธศาสนาพุทธก็ใช้วิธเผาเหมือนกันและฉันก็ไม่อยากรบกวนหรือลบหลู่พิธีกรรมของพวกเขา ชายคนนั้นเขาบอกฉันว่าครอบครัวเขารับจ้างเผาศพริมแม่น้ำคงคามาแปดชั่วคนแล้วและเขาเป็นรุ่นที่แปด เขายินดีจะพาฉันไปดูแต่ห้ามถ่ายรูปและต้องยืนอยู่ในตำแหน่งที่เขาพาไป ฉันเดินลัดเลาะผ่านกองฟืนกองโตหลายๆกองที่เตรียมไว้สำหรับเผาศพ จนมายืนอยู่ระยะห่างจากกองเผาศพสี่ห้ากองไม่เกินสิบเมตร บางกองกำลังเริ่มเผา บางกองเผาไปได้พักหนึ่ง บางกองไฟเริ่มเบาบ้างแล้ว ขี้เถ้าปลิวว่อนไปทั่วบริเวณ ปลิวมาตกใส่ผมใส่หน้าใส่ตัวฉัน ฉันไม่กล้าแม้แต่จะยกมือปัด มัณคงเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาในชีวิตฉันที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก หมาตัวผอมๆเดินไปคุ้ยกองฟอนที่มอดแล้วและคงเย็นตัวลงพร้อมกับลากชิ้นส่วนอะไรบางอย่างออกไป ฉันตกใจเอ่ยถามชายชุดขาว เขาตอบว่าเป็นชิ้นส่วนของคนตายที่ไหม้ไม่หมด เขาชี้ไปยังเรือที่แล่นออกจากท่าน้ำแล้วไปหยุดอยู่กลางแม่น้ำ คนในเรือหย่อนห่อผ้าสีขาวเล็กๆสองห่อลงในแม่น้ำ เขาอธิบายว่านั่นคือศพเด็กทารกซึ่งจะไม่มีการเผาแต่จะหย่อนร่างให้จมลงไปใต้แม่น้ำคงคา และมีอีกสี่ประเภทศพที่จะไม่มีการเผาคือศพสาวพรหมจรรย์ ศพนักบวช ศพคนถูกงูกัดและ ศพคนถูกฟ้าผ่า เถ้าถ่านและเศษสิ่งที่เหลือจากการเผาศพก็จะถูกโปรยลงไปในแม่น้ำคงคาเพื่อดวงวิญญาณจะได้ขึ้นไปสู่สรวงสวรรค์ การเผาศพต้องทำภายในเจ็ดชั่วโมงหลังจากเสียชีวิตจึงทำให้มีโรงแรมมรณะเกิดขึ้นริมแม่น้ำคงคาสำหรับคนที่อยู่ไกลป่วยหนักและรู้ว่าต้องตายแน่ๆก็สามารถมานอนรอความตายอยู่ที่โรงแรมนี้ อีกหนึ่งงานของคนรับจ้างเผาศพก็คอคุ้ยเถ้ากระดูกและชิ้นส่วนที่ไหม้ไม่หมดเพื่อหาเศษทองและของมีค่าของศพเอาไปขายให้ช่างทองหลอมและทำออกมาขายใหม่ ส่วนหนึ่งของเงินที่ได้มาจะนำมาซื้อฟืนไว้เผาศพให้คนจนที่ไม่มีเงินพอจะซื้อฟืน เขาเสนอจะพาฉันไปดูทรัพย์สมบัติของศพที่หลงเหลือจากความร้อนของเปลวไฟแต่ฉันปฏิเสธ แค่นี้ก็หนักหนาสาหัสพอสำหรับฉันแล้ว ยกมือไหว้ทำความเคารพซากศพ เปลวไฟ และญาติผู้ตายแล้วฉันก็เดินหันหลังให้แม่น้ำศักดิ์สิทธ์ แม่น้ำคงคา
อินเดียในวันนี้ของฉันก็ยังคงเป็น Incredible India!
No comments:
Post a Comment