Saturday, September 10, 2016

Incredible India



      Namaste Day 6
   Jaipur Rajasthan

      วันนี้เป็นวันคลีนนิ่งเดย์ของฉัน ถือโอกาสตื่นสายที่สุดตั้งอยู่ที่อินเดียมาหลายวันแต่ก็ไม่ได้สายสุดอย่างที่ใจหวัง โรงแรมที่พักอยู่ติดกับถนนหลักของเมือง ตีสี่ตีห้าเสียงแตรรถก็ดังสนั่นหวั่นไหวดังทะลุเข้ามาถึงในห้องพักชั้นสามพร้อมทั้งแสงแดดก็เริ่มส่องผ่านผ้าม่านผืนบางที่แขวนไว้ ฉันลุกขึ้นไปเปิดแอร์แล้วคลี่ผ้าห่มคลุมร่างตัวเองจนถึงหัวแล้วงีบหลับไปต่อจนเจ็ดโมงเช้า หลังจากตื่นนอนก็สำรวจเสื้อผ้าไม่กี่ตัวที่มีอยู่ในเป้ เกือบทุกตัวผ่านการสวมใส่มาหลายครั้งแล้วและเริ่มส่งกลิ่นไปถึงตัวที่ยังไม่ได้ใส่ จัดแจงเอาตัวที่ใส่แล้วทั้งหมดใส่ลงในอ่างล้างหน้าแล้วซักมันด้วยสบู่ก้อนเดียวที่เอาติดตัวมาด้วย สบู่ก้อนนี้เป็นสบู่ล้างหน้าสมุนไพรราคายี่สิบห้าบาทจากกาดไม้ ฉันใชัมันสำหรับอาบน้ำ ล้างหน้า และซักผ้า การเดินทางด้วยเป้ใบเล็กใบเดียวและไม่โหลดกระเป๋าทำให้ไม่มีทางเลือกมากนัก ซักผ้าเสร็จฉันก็ตากระโยงระยางไว้ในห้องน้ำ โชคดีที่ห้องพักโรงแรมนี้เป็นห้องใหญ่มากฉันก็เลยมีพื้นที่ตากผ้า ตากไว้พอนำ้หยดหมดก็ย้ายผ้ามาวางไว้ริมขอบหน้าต่างที่แดดส่องถึง แดดอินเดียโหดร้ายมากเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงผ้าก็แห้งสนิท 

   เกือบเที่ยงท้องใส้เริ่มประท้วงก็ออกเดินหาอาหาร หมายมั่นเอาไว้ว่ามื้อนี้จะกินอาหารอินเดียแบบอินเดียจริงๆที่คนทั่วๆไปกินกัน เดินกลับมาหาลุงหนวดลาสซี่เจ้าเมื่อวานเพราะติดใจรสมือของแก ถนนหลักเมืองชัยปุระกับเที่ยงวันเสาร์ยิ่งยุ่งเหยิงวุ่นวายกว่าเมื่อวาน แต่ในความวุ่นวายมันก็มีมุมดีๆให้เห็น วัดแขกริมทางมีโรงทานแจกอาหาร แอบชะโงกเข้าไปดูเห็นมีกระทะใบใหญ่บรรจุข้าวผัดเครื่องเทศสีเหลืองสวย ข้าวแขกน่าจะเป็นข้าวบาสมาติเพราะเห็นเป็นเม็ดยาวเรียวสวย กินไปเมื่อสองวันก่อนที่เมืองอักราก็คิดว่าอร่อยไม่แพ้ข้าวหอมมะลิถึงแม้ว่าข้าวหอมมะลิจะหอมและนุ่มลิ้นกว่า คนที่มารับทานหน้าวัดแขกไม่ได้มีเฉพาะคนจนหรือพวกเร่ร่อน บางคนก็แต่งตัวดีเหมือนคนทำงานทั่วไปทั้งหญิงและชาย มาถึงหน้าวัดก็จะนั่งยองๆเอามือแตะพื้นและยกมือขึ้นแตะบริเวณหน้าซึ่งฉันไม่แน่ใจว่าเป็นส่วนไหนของใบหน้าเพราะไม่กล้ามองเขาเยอะกลัวว่าจะเสียมารยาทหรือเป็นการลบหลู่ดูหมิ่นเขา ข้าวที่แจกทานถูกบรรจุในกรวยที่ทำจากหนังสือพิมพ์ เอากันง่ายๆก็กระดาษหนังสือพิมพ์ขดเป็นกรวยตักข้าวใส่ คนรับทานก็เอามือจกกินกันท่าทางอร่อย กินเสร็จก็ล้างมือแล้วเดินไปใช้ชีวิตต่อ ฉันเองก็อยากลองแต่ไม่กล้า

   ลุงหนวดดีใจที่เห็นฉันกลับมาอีก รีบยกไม้ยกมือทักทายตั้งแต่ฉันยังอยู่ไกลหลายร้อยเมตร "One Lassi?" เสียงภาษาอังกฤษสำเนียงอินเดียดังออกมาจากใต้หนวดงอนโง้งของแก ฉันยิ้มตอบรับ ลาสซี่ใส่มาในถ้วยดินเผาเหมือนเมื่อวาน แต่วันนี้มีเมล็ดอัลมอนด์ใส่มาด้วยหลายเมล็ดพร้อมช้อนพลาสติก ลุงนะลุงเมื่อวานไม่เห็นให้ช้อนจนฉันต้องแลบลิ้นเลียถ้วย ฉันสั่งถาลีแบบธรรมดาหนึ่งชุด มีนานที่ปิ้งมาสดๆสองแผ่น จาปาตีและดาล ถาลีถูกเสิร์ฟมาในจานหลุมเหมือนโครงการอาหารกลางวันเด็กนักเรียนบ้านเรา คนอินเดียชอบถาดหลุมและเครื่องครัวมาก เห็นหม้อ ปิ่นโต เหยือก ขายดิบขายดีในอินเดีย ตอนนี้เริ่มเข้าใจละว่าทำไมบางครั้งที่สนามบินสุวรรณภูมิเห็นคนอินเดียหิ้วของพวกนี้กลับบ้านกันเป็นหอบๆ ถาลีลุงหนวดอร่อยไม่แพ้ลาสซี่ฉันกินเกือบหมดถาด ระหว่างที่กินก็รู้ว่าคนทั้งร้านกำลังแอบมองฉันอยู่ พวกในครัวแอบส่องผ่านหน้าต่าง พนักงานเสิร์ฟและพนักงานคิดเงินก็แอบชำเลืองเป็นระยะๆ ฉันบินานออกเป็นชิ้นเล็กแล้วช้อนลงไปในดาลและจาปาตีแต่ดวยความไม่ชำนาญก็หกเลอะเทอะไปบ้าง การกินถาลีจะไม่ใช้ช้อนและคนอินเดียจะใช้มือขวากินอาหารเพราะถือว่ามือซ้ายเป็นมือที่ใช้ล้างชำระหลังเสร็จกิจในห้องสุขา ฉันกินด้วยมือซ้ายเพราะถนัดซ้าย!  อินเดียเป็นโลกของผู้ชายทุกทุกที่จะมีแต่ผู้ชาย ผู้ชายทำงานหาเงินผู้หญิงอยู่บ้านดูแลลูก ฉันคงเป็นผู้หญิงคนเดียวที่นี่ที่เดินคนเดียวกินคนเดียวอยู่ท่ามกลางผู้ชาย ไม่ได้ภาคภูมิใจอะไรทั้งนั้งนั้นมันยิ่งทำให้ฉันยอมรับและเคารพในกฏกติกาของเขา ฉันแต่งตัวมิดชิดที่สุด มัดผมยาวของฉันซ่อนไว้ใต้หมวกและพยายามทำตัวให้เป็นส่วนหนึ่งของอินเดีย

   หลังจากเดินเที่ยวจนเบื่อก็แวะซื้อแชมพูจากร้านขายของชำเล็กๆริมทาง แชมพูอินเดียซองละสามรูปีคิดเป็นเงินไทยก็หนึ่งบาทห้าสิบสตางค์ ฉันซื้อสามซองเพราะผมเยอะและยาว นี่หากไม่ไถด้านท้ายทอยออกเกือบครึ่งหัวคงต้องซื้อเพิ่มอีกหลายซองแน่ จำได้ว่าหวีผมและสระผมครั้งสุดท้ายก็เมื่อห้าวันที่แล้ว ไงล่ะความอินดี้ของฉัน สบายหัวสบายตัวก็มีเวลาสำหรับการพักผ่อนจริงๆ นอนเขียนบล้อคและตอบเมล์ลูกค้าที่คั่งค้างและเผลอหลับไปหลายชั่วโมงมาตกใจตื่นเพราะเหงื่อท่วมตัวด้วยว่าไฟฟ้าดับทำให้แอร์ไม่ทำงาน ห้องทั้งห้องมีสภาพเหมือนเตาอบ หยิบโทรศัพท์ติดมือเดินลงไปชั้นล่างซื้อคุ้กกี้ห่อใหญ่และเดินขึ้นไปชั้นดาดฟ้า นั่งชมความยุ่งเหยิงของชัยปุระพร้อมกับลมที่พัดมาพอรู้สึกว่าเย็น ไฟดับไปเกือบสองชั่วโมงทำให้ไม่มีไวไฟใช้ แต่ยังโชคดีที่เปิดโรมมิ่งจากซิมการ์ดไทยที่ซื้อใส่ก่อนมาทำให้มีอินเตอร์เน็ตใช้ไม่ขาดช่วง 

   หัวค่ำออกไปเดินล่าหาไก่ทันโดริอีกครั้ง รูป รส กลิ่น เสียงและสัมผัสของเมืองชัยปุระยังคงเข้มข้นเหมือนเดิม คนเร่ร่อนเริ่มก่อไฟริมถนนหุงหาอาหารริมถนน ผ้าผืนย่อมถูกเอามาขึงกับต้นไม้คงเอาไว้กันน้ำค้างตอนนอน โยคีหรือคนอะไรไม่แน่ใจนั่งอยู่เป็นจุดๆพร้อมกองไฟกองเล็กๆและกลิ่นกัญชาจางๆที่ลอยเข้าจมูกฉัน คนถีบสามล้อถีบเอ่ยทักทายฉันเป็นระยะๆ เฮลโล มาดาม ที่มีเพิ่มเติมคืนนี้คือล้อเที่ยมอูฐที่ลากกันกุบกับไปมา ถึงแม้ว่าฉันจะเคยเห็นอูฐและขี่อูฐมาหลายครั้งก่อนหน้านี้แล้วทั้งที่อียิปและอินเดียใต้หลายปีก่อน แต่คืนนี้ระหว่างที่ฉันเดินๆอยู่ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายของการจราจรในเมืองใหญ่ที่มีประชากรกว่าสามล้านคนอย่างชัยปุระและจู่ๆก็มีอูฐโผล่ขึ้นมามันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังอยู่ในฉากภาพยนต์สักเรื่องหนึ่ง โอออออ.. อินเดีย ฉันชักจะเริ่มหลงเสน่ห์คุณเข้าแล้วสิ
     Incredible India! 

















No comments:

Post a Comment