Namaste Day 10
Varanasi - New Delhi
ฉันบอกลาพาราณสีด้วยการเดินลัดเลาะตามตรอกซอกซอยเล็กๆในเขตเมืองเก่า เสื้อสามสี่ตัวที่ใช้นุ่งห่มมาตลอดการเดินทางครั้งนี้บวกกับเลกกิ้งที่มากับชุดอินเดียที่ซื้อใหม่เมื่อวานแต่ฉันไม่ถูกใจถูกเก็บใส่ถุงแล้วมอบให้กับคนเร่ร่อนที่นั่งรับทานอยู่ริมถนน ฉันไม่ค่อยแน่ใจว่าการให้เสื้อผ้าที่ใช้แล้วเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ แต่เห็นคนรับท่าทางดีใจก็คงจะเป็นสิ่งที่ควรกระทำ คนอินเดียยังคงใช้ระบบชนชั้นวรรณะ คนวรรณะสูงจะไม่ยอมใช้ของร่วมกับคนวรรณะต่ำแม้กระทั่งอาหารและอุปกรณ์การดื่มกิน หลายๆที่ขายจัยและลาสซี่บรรจุในถ้วยดินเผา กินดื่มเสร็จก็ปาถ้วยให้แตกเพราะกลัวคนวรรณะต่ำกว่านำไปใช้ ฉันแอบเสียดายและสงสารถ้วยดินเผาใบเล็กน่ารักพวกนั้นก็เลยไม่เคยปาให้แตกเลย เก็บข้าวของเครื่องใช้แล้วล่ำลาหนุ่มใหญ่เจ้าของที่พักที่จัดการเรื่องรถไปส่งสนามบินให้ฉันเรียบร้อย เขาทำตาละห้อยและพร่ำว่าเสียใจที่ฉันจากไปในวันนี้ ฉันบอกเขาว่าถ้าเป็นประสงค์ของพระเจ้า วันหนึ่งฉันก็ต้องกลับมา อยู่อินเดียมาหลายวันคารมณ์ฉันเริ่มจะอินดี้ ที่จริงแล้วเขาเป็นคนน่ารัก สองค่อนคืนเรานั่งคุยกันที่ล้อบบี้และเขายังใจดีปริ้นท์บอร์ดดิ้งพาสให้ฉันเพื่อที่ฉันจะไม่ต้องเสียเวลาต่อแถวที่สนามบิน โรงแรมเขาเป็นโรงแรมเล็กๆแต่จัดแต่งได้น่ารักและสะอาดสะอ้าน ฉันก็ได้แต่อวยพรให้เขามีความสุขกับงานและชีวิตเขา
หนึ่งชั่วโมงรถแท็กซี่จากแม่น้ำคงคาฉันก็มาถึงสนามบินพาราณสีและอีกหนึ่งชั่วโมงบินฉันก็กลับมาที่เดิมที่ๆฉันเริ่มต้นการเดินทางครั้งนี้ กรุงนิวเดลี จากสนามบินฉันตัดสินใจใช้บริการรถไฟใต้ดินเพราะค่าแท็กซี่จากสนามบินเข้าเมืองแพงโข จำได้ว่าตอนขามาจ่ายไปเจ็ดร้อยห้าสิบรูปี ค่ารถจากอาคารภายในประเทศไปสถานีรถไฟใต้ดินสนามบินสามสิบรูปี บวกกับค่ารถไฟใต้ดินสนามบินไปสถานีกลางเมืองเดลีอีกห้าสิบรูปี ราคาต่างกันมากโข รถไฟใต้ดินแอร์พอร์ตเอ็กซ์เพรสของอินเดียดีมากๆ สะอาด สะดวก รวดเร็ว จนฉันแอบคิดไม่ได้ว่าดีกว่าแอร์พอร์ตลิ้งค์ของกรุงเทพเสียอีก ออกจากรถไฟใต้ดินมาก็กะจะเดินไปที่พักเพราะดูจากแผนที่กูเกิ้ลแค่สิบห้านาที เดินตามแผนที่มาปรากฏว่าทางที่จะเดินเขาห้ามเข้าก็เลยเดินอ้อมไปอ้อมหาแล้วเกิดหลง ตัดสินใจไหนก็ไหนๆละงั้นนั่งสามล้อไปก็แล้วกันระยะทางก็ไม่ถึงสองกิโล นั่นเป็นการตัดสินใจพลาดมหันต์ของฉัน ด้วยข้อตกลงราคาค่าโดนสารหนึ่งร้อยยี่สิบรูปี คนถีบสามล้อพาฉันไปวนไปวนมาพอฉันบอกให้ไปตามแผนที่ก็เอะอะโวยวาย ไปถึงกลางทางเขาพาฉันแวะโรงแรมที่ฉันไม่ได้จองไว้ฉันก็บอกพนักงานโรงแรมนั้นไปว่าฉันจองที่อื่นไว้แล้ว ฉันเห็นท่าจะไม่ไหวก็เลยจะลงตรงนั้นแต่คนถีบสามล้อไม่ยอมพร้อมส่งสัญญาณให้กลับมานั่งบนสามล้อเหมือนเดิมและปั่นต่อไปเรื่อยๆตามเส้นทางที่ควรจะเป็น ระหว่างทางฉันไม่เข้าใจว่าเขาพูดอะไรเพราะเขาพูดแต้ภาษาฮินดี พอสามล้อเลี้ยวมาถึงถนนที่โรงแรมฉันตั้งอยู่ฉันเริ่มใจชื้น คนถีบสามล้อจอดอีกสองสามครั้งพยายามจะให้ฉันเข้าพักที่ๆฉันไม่ได้จองไว้ ฉันเข้าใจดีว่าเขาคงอยากได้ค่าน้ำ อีกแค่ไม่กี่ร้อยเมตรฉันจะถึงที่พักเขาก็พยายามจอดอีกและฉันก็หมดความอดทนเลยชี้ไปที่ป้ายโรงแรมที่ฉันจองไว้ เขาจอดสามล้อหน้าโรงแรมที่ฉันของไว้ฉันกล่าวขอบคุณเขาพร้อมยื่นเงินให้เขาหนึ่งร้อยยี่สิบรูปีและเพิ่มให้อีกยี่สิบรูปีเป็นค่าทิปตามหลักอินเดีย เขาไม่ยอมรับเงินและบอกกับฉันว่าต้องสองร้อยห้าสิบรูปี โลกทั้งโลกมืดไปหมดสำหรับฉันวินาทีนั้น ฉันบอกเขาว่านี่เงินของคุณ ค่าโดยสารที่ฉันต้องจ่ายให้คุณ หนึ่งร้อยยี่สิบรูปีบวกอีกยี่สิบรูปีเป็นค่าทิปสำหรับระยะทางสองกิโลเมตร เขาก็ยังโวยวายและไม่ยอมรับ ฉันวางเงินจำนวนนั้นลงบนเบาะสามล้อแล้วเดินผ่านพนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงแรมเข้าประตูโรงแรมไป โชคดีที่โรงแรมที่พักที่ฉันจองไว้เป็นโรงแรมระดับดีตนถีบสามล้อจึงไม่สามารถตามเข้ามาได้ และระหว่างที่เขาส่งเสียงโวยวายอยู่หน้าโรงแรมก็มีพนักงานหลายคนออกมาดู ฉันเดินไปที่รีเซฟชั่นโรงแรมจัดการเรื่องเช็คอินแต่ตาก็อดเหลือบไปมองคนถีบสามล้อที่ยังยืนอยู่ข้างนอกส่งเสียงโวยวายใส่พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่ได้ ฉันทนไม่ไหวเพราะรู้สึกว่าสิ่งที่คนคนนี้ทำมันไม่ถูกต้องก็เลยเอ่ยปากฝากเป้ไว้กับพนักงานต้อนรับโรงแรมแล้วเดินกลับออกไปที่พนักงานรักษาความปลอดภัย คนถีบสามล้อ และพนักงานโรงแรมอีกสองคน พวกเขาถามฉะนว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันอธิบายถึงข้อตกลงราคา ระยะทาง และการกระทำของคนถีบสามล้อ ฉันบอกเขาไปว่าปัญหามันไม่ได้อยู่ที่จำนวนเงินที่เขาต้องการจากฉัน แต่ปัญหามันอยู่ที่เขาทำไม่ถูก เขาเอาเปรียบผู้โดยสาร เขาหลอกผู้โดยสารและเขาเป็นคนไม่ดี ฉันบอกกับเขาผ่านคำแปลของพนักงานโรงแรมซึ่งฉันไม่แน่ใจว่าเขาจะแปลอย่างที่ฉันบอกหรือไม่ว่า ถ้าเงินอีกหนึ่งร้อยกว่ารูปีของฉันทำให้เขามีความสุขฉันก็จะจ่ายเพิ่มให้ โหหหหหห...นึกย้อนกลับไปแล้วเห็นตัวเองโครตแมนเลย แต่สรุปฉันจ่ายเพิ่มอีกยี่สิบรูปี คนถีบสามล้อก็แฮ้ปปี้ แก่น_ _ _ เงินไม่ถึงสิบบาททำเอาป้าโมโหจนหน้ามืด
ที่พักสวยงามเหมือนกับที่คิดไว้และอยู่บนถนนการค้าและท่องเที่ยวของเดลี ฉันออกไปเดินเล่นดูร้านรวงและได้ของติดมือมาสองสามชิ้น แวะซื้อไก่ย่างพร้อมข้าวผัดเม็ดยาวรีมาเป็นมื้อค่ำ กล้วยหอมงามๆอีกครึ่งหวี น้ำอ้อยคั้นสดบีบมะนาวใส่เพิ่มความสดชื่น ถนนเมนบาซ่าคึกคักนัก รถราวิ่งกันขวักไขว่ ผู้คน ฝูงวัว แพะ ยังมีทุกที่เหมือนเดิม ฉันเดินผ่านผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งกำลังถกเถียงเรื่องค่าโดยสารกับคนถีบสามล้อโยนเงินใส่กันไปโยนเงินใส่กันมา แล้วฉันก็คิดมาถึงตัวเอง ที่จริงเรื่องที่เกิดขึ้นกับฉันมันไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไรเลย มำไมฉันต้องอารมณ์เสียและคิดไปขนาดนั้น มันเป็นเกมส์ มันเป็น.....อินเดีย Incredible India!
No comments:
Post a Comment