"เรารู้จักกันมานานเท่าไหร่ละ?" เสียงคนใกล้ตัวถามในยามบ่ายอันอบอุ่นจากแดดอ่อนๆที่ลอดผ่านต้นสนสูงลิบมายังสวนหลังบ้าน กลิ่นชาอู่หลงหมายเลข16 ที่ฉันหอบหิ้วข้ามน้ำข้ามทะเลมาด้วยกรุ่นมาจากกาสีขาวใบเขื่อง ผสมกับกลิ่นเบเกิลที่อบสุกใหม่ๆฝีมือคนใกล้ตัว นกหลายตัวส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวมาจากต้นแอ้ปเปิ้ลที่ผลสุกเต็มที่จนแทบปริ มองไกลๆเข้าไปในป่าสนเห็นกวางสองสามตัวยืนเล็มหญ้าท่าทางสบายใจ เราทั้งคู่อยู่ในท่าครึ่งนั่งครึ่งนอนบนเก้าอี้ตัวยาวรองด้วยเบาะสีแดงเข้ม ระหว่างเรามีโต๊ะสีขาวตัวเตี้ยที่เต็มไปด้วยปัจจัยที่หก เจ็ด แปด เก้า และสิบ สมาร์ทโฟน ไอแพด แล้ปท้อป ครีมกันแดด หนังสือกองโต เครื่องดื่ม และของขบเคี้ยวอีกสองสามอย่าง "เฮ....คุณได้ยินผมมั๊ย?" คนใกล้ตัวส่งเสียงอีกครั้ง ฉันขยับตัวหันหน้ามามองเขา ถอดเว่นกันแดดอันโตที่ปกปิดแทบจะครึ่งหน้าออก กระพริบตาสองสามครั้งเพื่อให้ตาคุ้นเคยกับแสง ผู้ชายร่างสูงที่นอนเอนอยู่ข้างหน้า ผิวขาวจัดตัดกับหนวดเคราที่ห่างจากคมมีดมาสองสามวัน ขายาวทอดไปจนสุดตัวเก้าอี้ อกกว้างถูกห่อหุ้มไว้ด้วยเสื้อยืดของฝากจากเมืองไทย แววตาเขาที่ฉายออกมาบ่งบอกถึงอารมณ์ในใจ มันสับสน ค้นคว้า กังวล และสงสัย "ซักพักหนึ่งได้แล้วละ" ฉันตอบไป ความเงียบเข้าครอบงำอีกครั้ง สายลม แสงแดด เสียงนก อืมมมม มันเป็นบ่ายที่อภิรมณ์เสียจริง "ไม่ใช่พักหนึ่งแล้วละคุณ เรารู้จักกันมานานนับปี จนบางทีผมยังหลงคิดว่าคุณเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผม" เสียงตอบกลับมาหลังจากเงียบไปพักใหญ่ ใช่สินะวันเวลามันผ่านไปรวดเร็วนักเรารู้จักกันแต่ต่างฝ่ายต่างก็มีชีวิตในแบบของตัวเอง ในที่ของตัวเอง และทุกครั้งที่เรากลับมาเจอกันเราก็ใช้ชีวิตด้วยกันเหมือนกับไม่เคยแยกจากกัน ไม่มีช่องว่าง ไม่มีรอยประสาน ไม่มีอะไรๆให้รู้สึกถึงความห่าง จากอาทิตย์เป็นเดือนเป็นปีเป็นหลายๆปีที่เราใช้ชีวิตแบบนี้ "คุณเคยคิดอยากให้ความสัมพันธ์ของเรามันเป็นเรื่องเป็นราวกว่านี้มั๊ย?" ฉันนิ่งไปพักใหญ่ๆจนเขาคงทนความเงียบอันแสนจะอึดอัดนั้นไม่ไหว "ผมไม่รู้นะว่าเราคบกันในสถานะไหนผมรู้แค่ว่าระยะเวลาที่ผ่านมาคุณทำให้โลกของผมสวยงามขึ้น ผมรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขที่ได้คุยกับคุณถึงแม้ว่าบ่อยครั้งจะเป็นการคุยทางโทรศัพท์ ทุกครั้งที่เราได้มีโอกาสอยู่ด้วยกันผมอยากจะหยุดเวลานั้นไว้ คุณทำให้ใจผมสงบและอบอุ่น" ฉันกลั้นหายใจพยายามรวบรวมสมาธิทั้งหมดก่อนจะตอบเขาไปว่า "ฉันไม่คู่ควรกับคุณ ฉันเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆที่มีอายุเริ่มต้นด้วยเลขสี่ ฉันไม่สวย ฟันฉันซี่โตเท่าจอบ หน้าฉันตกกระ ร่างกายฉันไม่เพอร์เฟค ฉันทำงานอิสระมีรายได้ไม่แน่นอน บางทีก็มีบางทีก็อด ฉันมาจากครอบครัวธรรมดาๆไม่มีทรัพย์สมบัติอะไร ฉันไม่มีดีกรีด้อกเตอร์เหมือนคุณ ฉันนอนหลับกัดฟันบางทีก็แถมน้ำลายไหล บางวันฉันนอนแช่บนเตียงทั้งวันกับกาแฟถ้วยโตและหนังสือเล่มยักษ์ ฉันเป็นจอมขี้เกียจสระผม ฉันมีโลกส่วนตัวสูง ฉัน......" ก่อนที่ฉันจะร่ายยาวกว่านี้เขารีบตัดบท " แล้วคุณก็ชอบกินมุสลี่โยเกิร์ตเป็นอาหารค่ำ ชอบใส่รองเท้าบู้ทบุขนแกะนุ่มๆเดินอยู่ในบ้านถึงแม้ว่าอุณหภูมิมันจะสูงกว่ายี่สิบองศา ผมรู้ ผมเห็นสิ่งเหล่านั้นมาตลอดเวลาที่เราคบหากัน มันเป็นตัวคุณเอง คุณไม่เคยทำอะไรที่ไม่ใช่คุณ คงเป็นเพราะสิ่งเหล่านี้ของคุณที่ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นเมื่ออยู่กับคุณ ผมรู้สึกว่าผมไม่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง ผมเป็นตัวของผมเองได้เหมือนกับที่คุณเป็นตัวของคุณเอง ผมอาจจะเป็นอาจารย์หมอของนักศึกษาแพทย์หลายร้อยคน เป็นหมอใหญ่ของคนไข้อีกนับพันราย แต่พอผมอยู่กับคุณผมก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่งที่คุณชงชาให้ดื่ม ทำกับข้าวให้กิน ผมชอบทำความสะอาดรองเท้าให้คุณหลังจากที่คุณออกไปเหยียบหญ้าเลอะๆข้างนอก ผมชอบเข็นคุณให้ไปสระผม ผมชอบเป่าผมคุณให้แห้ง ชอบให้คุณปั่นจักรยานตามผมบนถนนเส้นเล็ก ผมไม่ได้สนใจเรื่องรูปลักษณ์หรือเงินทอง ผมสามารถดูแลคุณได้สบายๆจากเงินเดือนของผม " สายตาเราทั้งคู่บรรจบกัน ยังคงมีแววตาแบบเดิมในดวงตาคู่นั้น สับสน ค้นคว้า กังวล ฉันอยากจะดึงแว่นกันแดดอันโตมาปกปิดดวงตาของตัวเองแต่รู้ว่าทำแบบนั้นไม่ได้ มันคงถึงเวลาแล้วที่ต้องคุยถึงเรื่องนี้เพราะที่ผ่านมาเราคุยกันได้ทุกๆเรื่อง เรื่องชีวิตประจำวัน เรื่องครอบครัว เรื่องงาน เรื่องเที่ยว แต่ฉันเองเป็นฝ่ายที่จะเลี่ยงคุย "เรื่องระหว่างเรา" ตลอดเวลานานนับปีผู้ชายคนนี้คอยห่วงใยหวังดีกับฉันมา ยามที่ฉันท่องไปในโลกกว้างเพียงลำพังก็มีแต่เขาที่คอยถามข่าวคราวเป็นห่วงเป็นใยถึงแม้ว่าคำตอบของฉันจะเป็นแค่ I am ok และ I will be ok ก็ตาม "มาเป็นคู่ชีวิตผมนะครับ ผมรู้ว่าคุณไม่ต้องการงานแต่งงานหรูหรา ไม่ต้องการเพชรเม็ดโต ไม่ต้องการป่าวประกาศให้คนทั้งโลกรู้ ผมถึงได้ตัดสินใจถามคุณตอนนี้ จะมีแค่เราสองคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ คุณและผม เรามาตกลงสถานะระหว่างเรา เราโตเกินกว่าจะเรียกกันและกันว่าแฟน ทันสมัยเกินกว่าจะเรียกกันและกันว่าคู่หมั้น กลัวเกินกว่าที่จะเรียกกันและกันว่าสามีภรรยา เราจะเป็นคู่ชีวิตที่เติมเต็มให้กัน ให้ผมได้ดูแลคุณ ให้ผมได้ช่วยเหลือคุณในสิ่งที่ผมพอจะช่วยได้ คุณต่อสู้ดิ้นรนตามลำพังมานานพอแล้วผู้หญิงตัวเล็ก และผมก็อยากให้คุณดูแลผม ชงกาแฟเข้มใส่นมอุ่นๆให้ผม" แสงแดดอันอบอุ่นจากชั่วโมงที่ผ่านมากลับกลายเป็นลมหนาวยะเยือกก่อนจะเปลี่ยนเป็นเปลวร้อนระอุมาจากไหนซักแห่ง อุ้งมือของฉันชื้นไปด้วยเหงื่อ ปล่าวหรอกสายลมแสงแดดยังคงเดิมแต่ใจของฉันมันสะบัดไหวเหมือนพายุเดือนเษา " เหมือนกับเขาอ่านใจฉันออกเมื่อเห็นท่าทีลังเลของฉัน " อย่ากลัวว่าคุณจะสูญสิ้นความอิสระเสรีของคุณ ผมไม่ได้จะกักขังหน่วงเหนี่ยวคุณไว้กับสถานะของเรา ผมรู้ว่าคุณรักมัน รักที่จะกระโจนไปในโลกกว้างเรียนรู้แสวงหาสิ่งใหม่ๆ รักที่ใช้เวลาว่างไปกับการค้นหาเที่ยวบินที่ถูกที่สุด รักที่จะแพ็คกระเป๋าเดินทางไปยังที่ไหนๆ ผมอยากให้คุณทำในสิ่งที่คุณรัก เพียงแค่ให้ผมได้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตการเดินทางของคุณ ให้ผมได้รับรู้ว่าคุณอยู่ที่ไหน ทำอะไร คุณรู้มั๊ยผมเป็นห่วงคุณมากแค่ไหนที่จู่ๆก็ได้ข่าวว่าคุณกำลังอยู่กับพวกคนป่าที่ปาปัวนิวกีนี อยู่บนรถไฟในพม่า หรือไม่ก็ไปไปทำอาหารอยู่ที่สเปน"
มันเป็นวันที่ฉันเงียบที่สุดตั้งแต่เรารู้จักกันมา ในหัวฉันเหมือนกับมีพายุทวิสเตอร์หมุนควงอยู่ข้างใน มันงุนงง สับสน บ้าคลั่ง ค่อนชีวิตฉันมีแต่ตัวเอง ฉันจึงเป็นคนที่ตามใจตัวเองอย่างร้ายกาจที่สุด การที่จะรับใครคนหนึ่งมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตมันเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ฉันไม่กล้าแม้แต่จะคิด กลัวตัวเองไม่มีความสุข กลัวเขาจะไม่มีความสุข กลัวจะสูญเสียความรู้สึกดีๆที่มีให้กัน และท้ายสุดกลัวจะสูญเสียเขาไป....
ร่างสูงลุกขึ้นยืนและก้าวมานั่งบนเก้าอี้ของฉัน มือเขาขยับยกศีรษะฉันวางบนขาแข็งแรงของเขา มือใหญ่พร้อมกับเล็บที่ตัดเจียนสะอาดวางพาดมาบนเส้นผมฉันพร้อมกับลูบไปมาอ่อนโยน " คุณเหนื่อยใช่มั๊ย? พักเหนื่อยอยู่ในใจผมนะ ผมไม่ได้ขอให้คุณรักผม หรือขอให้คุณทิ้งอะไรๆที่คุณได้สร้างขึ้นมาที่เมืองไทยไว้ข้างหลัง ผมขอแค่เสี้ยวหนึ่งในใจของคุณให้ผม และผมสัญญาว่าจะดูแลให้ดีที่สุด " เสียงอู้อี้ตามมาพร้อมกับริมฝีปากบางแตะมาบนขมับที่ชื้นด้วยเหงื่อของฉัน ฉันหลับตาลง รู้สึกเหนื่อยเหมือนปั่นจักรยานนับสิบกิโล มือใหญ่ยังคงสัมผัสเส้นผมฉัน ท่ามกลางความเงียบงันหูของฉันแว่วเสียงเต้นของหัวใจทั้งสองดวง เวลาผ่านไปช้าๆ เสียงนก สายลม แดดอุ่น ฉันเริ่มผ่อนคลายและสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นอ่อนโยนที่แสนจะเคยชิน ตักอุ่นๆ อกกว้าง กลิ่นครีมอาบน้ำที่คุ้นเคย ฉันขยับตัวยืดแขนออกกอดเอวเขาไว้แล้วสูดหายใจลึกๆ ฉันอยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนี้ หยุดทุกอย่าง หยุดคำถาม หยุดคำตอบ หยุดหัวใจ หยุดอะไรๆทุกอย่าง และซึมซับความรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่ท่ามกลางเปลวเทียนนับพัน
No comments:
Post a Comment