Saturday, September 20, 2014

Chapter3

เสียงกุกกักดังขึ้นมาจากมุมห้องฉันลืมตาขึ้นมองมาต้นเสียง ความมืดยังคงปกคลุมห้องของโรงแรมริมทะเลสาปที่ฉันเข้าพักตั้งแต่เมื่อคืนนี้ ฉันขยับตัวเพ่งสายตาฝ่าความมืดเห็นเงาของคนตัวสูงเดินเข้ามาหา มืออุ่นยื่นมาสัมผัสแก้มฉัน "ขอโทษนะ ผมทำให้คุณตื่นเหรอ จะออกไปวิ่งแต่ผมหารองเท้าไม่เจอก็เลยค้นในกระเป๋า" ฉันนอนนิ่งเงียบอยู่สัมผัสของมืออุ่นๆข้างนั้นทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย "คุณนอนต่อนะ มันยังเช้ามากและข้างนอกก็หนาว อีกสองชั่วโมงผมจะกลับมาพร้อมกาแฟแบบที่คุณชอบ" เขาโน้มตัวมาแนบคางสากๆแนบแก้มฉัน ความเงียบเข้าปกคลุมห้องอีกครั้งหลังจากเสียงปิดประตูตามหลัง ฉันยังนอนนิ่งอยู่ใต้ผ้าห่มสีขาวนุ่มหนาผืนโต อากาศยามเช้าตรู่ริมทะเลสาปของนอร์ทเวสท์ค่อนข้างเย็นแต่เขาก็ยังคงออกไปวิ่งตามปรกติทุกเช้าไม่ว่าจะที่บ้านหรือออกมาเที่ยวพักผ่อนหลายวันแบบนี้ ฉันเสียอีกที่ตามใจตัวเองจนเคยตัวจะทำอะไรแต่ละอย่างต้องให้อารมณ์พร้อม ฉันจึงเป็นคนที่ทำอะไรเยอะมากแต่ไม่สม่ำเสมอ เขาเคยบอกฉันว่าฉันเหมือนกับภาพวาดabstract มันมีอะไรเยอะแยะมากมายในนั้นไม่แน่ใจว่าคืออะไรบ้างแต่รวมกันมันออกมาน่าสนใจ
  ฉันตัดสินใจลุกจากที่นอนอันแสนอบอุ่นคว้าเสื้อคลุมผืนยาวนุ่มที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ให้มานุ่งห่ม เท้าสอดเข้าไปในรองเท้าบู้ทบุขนแกะนุ่มคู่โปรดที่หอบหิ้วไปด้วยทุกที่ เปิดไฟแรงเทียนตำ่สองดวงตรงมุมห้องพร้อมปรับอุณหภูมิเครื่องทำความอุ่นให้สูงขึ้นอีกนิด เดินย้อนกลับมาหาภาพเขียนที่เขียนค้างไว้และยังไม่เสร็จสมบูรณ์ เปิดไฟเหนือภาพเขียนพร้อมกับเตรียมสีและพู่กัน อยากเขียนให้เสร็จวันนี้พรุ่งนี้จะได้เก็บข้าวของย้ายไปนอนในเมืองไกล้สนามบินเตรียมพร้อมกับการเดินทางกลับไทยในวันถัดไป ปรับขาตั้งผ้าใบให้สูงขึ้นอีกนิดและเริ่มลงสีเหลืองทองเหลือบน้ำตาลลงบนภาพเขียน มันเป็นรูปของต้นไม้กำลังเปลี่ยนสีที่เรียงรายอยู่ริมทะเลสาป ฉากหลังที่เห็นอยู่ลิบๆเป็นภูเขาสีนำ้เงินเข้มที่ยอดยังมีหิมะสีขาวจัดเหลือบอยู่ ฉันเริ่มเขียนรูปนี้เมื่อสองวันก่อนหลังจากที่ดื่มด่ำกับความงามของสถานที่จริงและซึมซับทุกรายละเอียดไว้จนหมดก็กลับมาตั้งผ้าใบเขียนรูปในห้อง ฉันไม่ชอบเขียนรูปกลางแจังมันมีหลายสิ่งหลายอย่างรอบตัวที่เคลื่อนไหวมากเกินไปทำให้ไม่มีสมาธิ กลิ่นสีอะคริลิคจางๆไม่ฉุนเฉียวเหมือนสีน้ำมันที่ฉันเคยโปรดปรานเมื่อหลายปีก่อน เขาอีกนั่นแหละที่ทั้งขอร้อง บังคับและอ้อนวอนให้ฉันหยุดใช้สีน้ำมันเขียนรูป "มันอันตรายเกินไป กลิ่นของมันทำลายระบบประสาทและกล้ามเนื้อคุณของคุณได้อย่างร้ายกาจเลยนะตัวเล็ก" เขายังบรรยายเรื่องความเลวร้ายของสีน้ำมันให้ฟังเรื่อยๆจนฉันตัดสินใจใช้มันในที่สุด เหมือนกับอีกหลายๆอย่างที่เขาเคยเตือนฉัน "คุณดื่มเบียร์จัดมากนะช่วงนี้ ทุกวันและวันละหลายๆแก้ว คุณลองมาดื่มไวน์แทนมั้ย ดื่มกับผมวันละแก้วช่วงหัวค่ำหรือกับมื้อเย็นก็ได้" เขามักจะมีวิธีพูดให้ฉันไม่รู้สึกแย่ เขารู้ว่าถ้าเขาห้ามฉันฉันก็คงทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามอยู่ดี ฉันดื่มเบียร์เพราะในสังคมของฉันมันเป็นเครื่องดื่มที่นิยมและราคาก็พอรับกันได้ ฉันเองก็ไม่ได้ดื่มเพื่อรสชาติแต่ดื่มเพราะชอบในเอฟเฟคของการดื่ม ชอบที่จะได้พูดคุยกับคนอื่น หัวเราะกันได้ง่ายขึ้น จากนั้นเขาก็จัดหาไวน์แบบที่ฉันชอบ เยอรมันไอซ์ไวน์ขวดเล็กเรียวที่หายากและราคาสูงกว่าไวน์ชนิดอื่นเพราะผลิตจากผลองุ่นที่แข็งตัวจากคืนที่อุณหภูมิติดลบ ดื่มไวน์กับชีสอีดัม ชีสบรี ตามด้วยองุ่นไร้เม็ดลูกเล็กจึงเป็นกิจกรรมที่เราทำร่วมกันทุกครั้งที่มีโอกาสได้เจอกันและกว่าที่ฉันจะรู้สึก ฉันก็ค่อยๆละจากวงเบียร์ที่เคยคิดว่าเป็นกิจกรรมสังคมที่สนุกที่สุดพอหันกลับไปดื่มเบียร์อีกฉันกลับไม่ชอบในรสชาติของมันอีกเลย ความเอาใจใส่เล็กๆน้อยๆที่เต็มไปด้วยรายละเอียดของเขาทำให้ฉันแปลกใจได้เสมอ เพลงที่ฉันชอบฟัง อาหารที่ฉันชอบกิน เครื่องดื่มที่ฉันชอบ โทรศัพท์ที่ฉันชอบวางทิ้งไว้แล้วหาไม่เจอ เขาดูเหมือนจะจดจำทุกอย่างและคอยบอกเตือนฉัน
  ฉันปาดพู่กันลงบนผ้าใบเป็นครั้งสุดท้ายและขยับตัวถอยออกมาชื่นชมผลงานของตัวเอง มันไม่ใช่ชิ้นงานที่ดีที่สุดแต่ฉันก็พึงพอใจกับมัน ทิ้งไว้ให้แห้งครึ่งวันแล้วแขวนไว้ท้ายรถกว่าจะขับถึงบ้านเขาก็ใช้เวลาหลายชั่วโมงภาพคงแห้งพอดี ฉันจัดการเก็บล้างอุปกรณ์เขียนภาพแพ็คลงในกระเป๋าผ้าใบใหญ่สีมอๆที่มักจะฝากเขาดูแลให้จนกว่าฉันจะกลับมาใช้งานมันอีก ซึ่งมันก็ไม่เกินปีละสองครั้งตั้งแต่เรารู้จักกันมา ฉันเคยถามเขาแบบขำๆว่าเราควรเรียกความสัมพันธ์ระหว่างเราว่าอะไร เขาเงียบไปพักใหญ่แล้วตอบว่า "มันเป็นทุกอย่างที่คุณอยากให้มันเป็น เราเป็นทีมที่ดีที่สุด เราไม่เคยมีปัญหาตั้งแต่คบหากันมา" ณ.จุดนี้เขากับฉันมีหนึ่งอย่างที่เหมือนกัน เราต่างไม่อยากสัมผัสกับความผิดหวัง และความล้มเหลวในการใช้ชีวิตคู่ เราทั้งคู่ผ่านอะไรๆมามากมายในชีวิตก่อนหน้าที่จะมาเจอกัน เราทั้งคู่จึงหลีกเลี่ยงคำว่ารักและทดแทนด้วยความห่างใยและใส่ใจ
  เสียงเปิดประตูพร้อมกับไอเย็นแทรกเข้ามา กาแฟถ้วยกระดาษถ้วยโตกรุ่นไอหอมโชยถูกยื่นมาจากข้างหลัง พร้อมกับสัมผัสเย็นๆจากจมูกของเขาบนไหล่ฉัน "ผมคิดถึงคุณมากเลยระหว่างที่ผมออกวิ่ง อยากกอดคุณไว้แนบอกผมตลอดไป" เราสบตากันในกระจกบานใหญ่และยิ้มให้กันอย่างอบอุ่นท่ามกลางกลิ่นหอมหวานของกาแฟยามเช้า

 

No comments:

Post a Comment