Saturday, September 20, 2014

Classic USA Road Trip, 4th September - 27th September 2014. Part 3

ก้นแฟ้บ พุงโต 916ไมล์ กว่าเก้าชั่วโมงจากไอดาโฮ ฟอลส์ ถึงเรโน Road trip is fun! 916 Miles, more than 9 hours from Idaho Falls to Reno.

    ตื่นแต่มืดเตรียมตัวสำหรับการเดินทางอันยาวไกลอีกหนึ่งวัน วันนี้กะจะทำระยะให้ยาวที่สุดและเร็วที่สุดเลยเลื อกที่จะใช้แต่ไฮเวย์ ขับกันมันมากแซงรถบรรทุกสวยๆคันแล้วคันเล่า ขับไปเล่นทายกับตัวเองไปว่าแมลงที่จะมาชนกระจกหน้ารถจะเละมาเป็นสีอะไร แดง เหลือง ขาว ฟ้า หรือว่า เขียว? แมลงเยอะมากตายเละเต็มกระจกทำเอาที่ปัดนำ้ฝนทำงานไม่ได้หยุด จากรัฐไอดาโฮข้ามมารัฐเนวาดาภูมิทัศน์เริ่มเปลี่ยน ความเขียวเริ่มลดลงเรื่อยๆความแห้งแล้งเริ่มมาเยือน และเปลี่ยนเป็นเขตเกือบทะเลทราย มองไปไกลๆเห็นลมหมุนทวิสเตอร์หลายอันกำลังปั่นอยู่กลางทุ่ง พุ่มไม้แห้งๆกลมๆหลุดจากรากหมุนกลิ้งขึ้นมาบนถนน ทำให้นึกถึงหนังคาวบอยเก่าๆที่เคยดู อยากเห็นคาวบอยตัวจริงจะได้ถามว่ารองเท้าบู้ทที่ใส่กันมันมีไอ้เหล็กกลมๆขอบ หยักๆเหมือนเหมือนมีดตัดพิซซ่าติดอยู่ตรงท้ายของบู้ทใช้ทำอะไรอย่างอื่นได้ บ้างนอกจากเอาไว้กระทุ้งสีข้างม้า    

   จอดรถเติมนำ้มันที่ปั๊มนำ้มันเก๋ๆในเขตเนวาดา ข้างปั๊มมีซาลูนแบบที่เคยเห็นในหนังแต่ไม่เห็นมีม้าผูกไวัข้างนอก ไปด้อมๆมองๆเห็นคนแก่สองสามคนนั่งอยู่ข้างใน ไม่เห็นใส่กางเกงยีน เสื้อเชิ้ต รองเท้าบู้ท หมวกปีก ไม่มีท่าทางจะเป็นคาวบอยเลย หรือว่าคาวบอยก็พัฒนาแล้วเหมือนกลุ่มชาติพันธุ์แถวบ้านฉัน? อีกฟากหนึ่งของปั๊มนำ้มันเป็นคาสิโน สังเกตได้ว่าปั๊มนำ้มันขนาดใหญ่ในอเมริกาจะมีคาสิโนอยู่ด้วยทุกที่ โดยเฉพาะเมืองเรโนที่มาถึงวันนี้เป็นเป็นเมืองของการเสี่ยงโชคอันดับที่สอง รองจากลาสเวกัส คิดๆอยู่ว่าจะลองเข้าไปดูในคาสิโนดูลองเล่นซัก100$เสียก็ถือว่าเป็นกรรมถ้า ได้รวยขึ้นมาจะขับรถเที่ยวให้ครบ50รัฐ อิอิ ได้แค่คิดเพราะชีวิตนี้ไม่มีทางที่จะเอาเงินหลักพันมาเล่นการพนัน อยู่บ้านแค่ซื้อลอตเตอรี่100บาทแล้วไม่ถูกยังแอบเสียใจเสียดายตังไปตั้งหลาย วัน ชีวิตนี้มี   
   หลายอย่างที่อยากทำแต่สิ่งที่หลีกเลี่ยงคือยาเสพติด การพนัน และสร้างหนี้สิน
กว่าจะหาโรงแรมเจอเล่นเอาเหนื่อย เรโนเป็นเมืองใหญ่แถมมีกลิ่นตุๆ กลิ่นควันรถ กลิ่นมลพิษ กลิ่นของความเป็นเมืองใหญ่ คงแค่คืนเดียวที่เมืองนี้ พักให้หายเหนื่อยวางแผนเดินทางสำหรับวันถัดไป ดินเนอร์วันนี้งัดมาม่าออกมาเติมนำ้ร้อน คิดถึงพริกป่น.......




  กินลมชมวิวบนไฮเวย์1 ทางหลวงที่สวยที่สุดในอเมริกา
   หลังจากที่ได้ชื่นชมกับต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ Redwood National and State Parks วัน นี้ได้เติมเต็มความอยากให้เป็นจริงสักที โดยการขับรถเที่ยวบน Highway 1 (หรืออีกชื่อหนึ่งที่คุ้นเคยกันดีกับ California State Route 1 และ Pacific Coast Highway) ทางหลวงที่ขึ้นชื่อว่าอันตรายและสวยที่สุดในอเมริกา เนื่องจากทางหลวงเส้นนี้สร้างขนานไปกับ Pacific Coastline ลัดเลาะชายฝั่งตั้งแต่เหนือจรดใต้ของรัฐ California (บางช่วงบรรจบกับทางหลวงเส้นอื่นด้วย) ทำให้ทางเส้นนี้มีความคดเคี้ยว ลาดชัน ตามลักษณะภูมิประเทศของรัฐแคลิฟอร์เนีย และด้วยเหตุนี้รวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่าเมื่อขับรถบนถนนสายนี้ มองไปทางซ้ายก็เห็นภูเขา มองไปทางขวาก็เป็นหุบเหวและมหาสมุทรแปซิฟิก จึงทำให้ถนนเส้นนี้เป็นทางหลวงที่จัดว่าสวยที่สุดในอเมริกา อีกทั้งบรรยากาศที่แปรปรวนตลอดเวลา ทำให้สามารถเจอกับทุกสภาพอากาศได้ในวันเดียว!
    จากเมืองยูริก้ารัฐแคลิฟอร์เนียถึงเมืองนิวพอร์ทรัฐออริกอนใช้เวลา กว่า7ชั่วโมง สามร้อยกว่าไมล์ แวะนั่นชมนี่ไปเรื่อยๆแบบตามใจฉันน่าเสียดายที่อากาศไม่ดีเท่าที่หวังไว้ ขับรถไปเรื่อยๆฝ่าฝน ฝ่าหมอก ดูๆไปก็เหมือนเมืองปริศนา ข้างทางด้านหนึ่งมีต้นสนต้นใหญ่น้อยที่เต็มไปด้วยมอสห้อยตัวลงมาดูเหมือนใน หนังเรื่อง เดอะ ลอร์ดออฟเดอะริง อีกด้านหนึ่งเป็นแนวมหาสมุทแปซิฟิกที่เต็มไปด้วยหุบเหว มันไม่ได้เป็นการขับรถในเส้นทางที่น่ากลัวที่สุดสำหรับฉัน ฉันเคยเจอหนักกว่านี้ที่ปาปัวนิวกีเนียและเอธิโอเปียเมื่อหลายปีก่อน แต่ไฮเวย์1ก็ยังเป็นความใฝ่ฝันที่สวยงามของฉันอยู่ดี
   ก่อนจะถึงนิวพอร์ทเจอหนุ่มขายบาบีคิวริมทางแวะซื้อซี่โครงหมูมาหนึ่งแถบกับ พริกจาลิเปโนพันแฮมรสจัดจ้านอีกสามอัน ดินเนอร์เกร๋ๆในห้องคืนนี้กับไวน์ที่หนีบมาจากซุปเปอร์อีกขวดใหญ่ Life ain't bad
— at Shilo Inn Suties Oceanchfront Hotel-Newport.


  แปดคืนเก้าวันกับรถคันเล็กบนพื้นที่แค่ส่วนเล็กๆของประเทศอเมริกา
  กลับมาถึงณ.จุดเริ่มต้นเช็คระยะการเดินทางได้ที่3,100ไมล์ ( 4,650กม. ) นับว่าเป็นroad tripที่ยาวที่สุดที่เคยทำมา ยิ่งใช้เวลาในอเมริกานานเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกถึงความกว้างใหญ่ของประ เทศนี้ และยิ่งทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวฉันเล็กลงๆไปเรื่อยๆ อเมริกาประเทศอันดับท้ายๆที่ฉันจัดไว้ในรายการ "ต้องได้สัมผัส" ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดไว้ในด้านของการท่องเที่ยว ธรรมชาติที่นี่ค่อนข้างสมบูรณ์ ข้อมูลการท่องเที่ยวหาได้ง่าย บุคลากรของหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวมีความรู้ความสามารถและปฏิบัติหน้าที่ อย่างมีประสิทธิภาพมากถึงมากที่สุด
    แต่ค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยวในอเมริกาค่อนข้างสูง นอกเหนือจากค่าตั๋วเครื่องบินที่แพงอยู่แล้วยังมีค่าโรงแรมที่ขูดเลือดซิบๆ ตามมาอีก สำหรับค่าอาหารมีอยู่หลายทางเลือกตั้งแต่โครตถูกถึงแพงลิบ ฉันในฐานะของคนที่ข้องเกี่ยวกับด้านอาหารมายี่สิบกว่าปีก็อดไม่ได้ที่จะลอง สัมผัสความแตกต่างของอาหารขึ้นชื่อของแต่ละรัฐไม่ได้ อาหารที่นี่จัดมาจานใหญ่มากแอบดูคนอเมริกันกินแล้วรู้สึกทึ่งจริงๆที่สามารถ อัดทุกอย่างในจานลงกระเพาะได้จนหมดเกลี้ยง ทุกครั้งที่นั่งกินอาหารในร้านฉันต้องคอยอธิบายให้พนักงานเข้าใจว่าที่กิน ไม่หมดไม่ใช่เพราะว่าไม่อร่อยแต่ฉันเป็นคนกินน้อย หลายวันก่อนลองKFCถัง5ชิ้นที่ตามปรกติกินที่บ้านเราก็แทะไปชิวๆคนเดียวก็หมด แต่ของที่นี่ชิ้นใหญ่มากคาดว่าคงเอาไก่ยักษ์มาทอดแถมมีเครื่องเคราตามมาอีก มากมาย มันบด เกรวี่ สลัด คุกกี้ ( อันนี้แปลกมาก ซื้อไก่ทอดมีคุ้กกี้แถมให้ ) แถมเป๊ปซี่มาให้อีกแก้วโต ฉันขยอกไก่ทอดไปได้แค่สองชิ้นกับมันบดอีกสามสี่ช้อน จุกไปจนถึงเช้าอีกวัน!
   การเดินทางต้องใช้เงิน เงินไม่ใช่สิ่งที่มีค่าที่สุดแต่เงินสามารถแปรรูปเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดได้  อีกสิ่งหนึ่งที่ฉันได้เรียนรู้ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ให้เป็นนายเงิน อย่าให้เงินเป็นนาย ถึงไม่มีเงินก็แค่ไม่ได้เป็นนายเงินไม่ใช่เป็นทาศมัน
  




  

No comments:

Post a Comment