Monday, October 13, 2014
บทสุดท้าย
ฉันหยิบช่อดอกลาเวนเดอร์ช่อจิ๋วใส่ลงไปในถุงขยะสีดำใบโต มันเป็นสิ่งสุดท้ายที่เชื่อมสายใยระหว่างฉันกับเขา มันเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาหยิบยื่นให้ฉันขณะนี้มันได้ไปรวมกับอีกหลายๆสิ่งในถุงและกลายเป็นขยะที่ฉันพร้อมจะกำจัดออกไปจากชีวิต หลังจากที่ฉันได้ต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเองมานานนับเดือน ความรู้สึกที่ต้องสูญเสีย ความรู้สึกว่างเปล่าในใจ ความรู้สึกโหยหา ฉันได้ไว้อาลัยให้กับมันเป็นเวลาอันควรแล้วและมันก็ถึงเวลาที่ฉันต้องหันกลับมาเผชิญกับความเป็นจริง
มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันต้องเผชิญกับเหตุการณ์แบบนี้ แต่ไม่ว่าจะกี่ครั้งๆกับคนไหนๆมันก็ไม่ได้ทำให้ความเจ็บปวดลดน้อยลง หนึ่งคนจากฉันไปพร้อมกับละทิ้งบทเพลงที่เขาแต่งขึ้นมาให้ฉันในยามที่รักของเราหวานชื่น คนหนึ่งจากไปด้วยภาพวาดเหมือนของฉันที่ฉันเคยเก็บรักษาไว้สองสามปีและได้โยนทิ้งไปในที่สุด บางคนบันทึกชื่อฉันไว้ในคำนิยามของหนังสือเล่มที่เขาเขียนและกลายเป็นหนึ่งในหนังสือขายดีของเขา และอีกหลายๆคนที่ฉันลืมเลือนไปในที่สุด
มนุษย์ทุกคนเป็นเจ้าของหัวใจเพียงหนึ่งดวงนั่นก็คือหัวใจของตัวเอง ในบางครั้งเราอาจจะเผลอคิดไปว่าเราได้หัวใจดวงอื่นมาครอบครองแต่สุดท้ายเมื่อไม่ได้เป็นไปอย่างที่ใจเราคิด อย่างน้อยเราก็ยังเหลือหัวใจของตัวเอง หัวใจดวงที่เราต้องดูแลให้ดีที่สุด
Sunday, October 12, 2014
บทที่สิบสอง
ฉันสะบัดปลายพู่กันให้สะเด็ดนำ้แล้วแต้มลงบนสีม่วงเข้มในจานสีปาดปลายพู่กันให้แบนเรียบกับขอบจานและบรรจงลากเป็นลายเส้นยาวพาดผ่านสีดำสนิทที่ลงเป็นพื้นหลังบนผ้าใบผืนใหญ่ แสงแดดยามบ่ายส่องทะลุผ่านต้นลีลาวดีใบดกที่แซมไปด้วยดอกสีเหลืองนวลพราวพร่างตกกระทบกับผืนผ้าใบและโต๊ะไม้สักตัวเก่าหน้ากระท่อมที่ฉันใช้เป็นสถานที่เขียนภาพ ลมอ่อนๆพัดผ่านมาทำให้ปอยผมฉันปลิวไหวๆกระทบใบหน้า นึกขึ้นได้ว่าคงต้องหาเวลาไปตัดเล็มผมที่ยาวจนเกือบจรดเอว ฉันไม่ใช่คนที่ขยันสระผมนักบางครั้งฉันสามารถอยู่กับมันได้เกือบอาทิตย์โดยไม่ได้ทำความสะอาดหรือดูแลแต่อย่างไร ครั้งหนึ่งในอดีตระหว่างที่เขากำลังบรรจงเป่าผมให้ฉันเขาเคยถามฉันว่า "คุณจะอยู่ได้ยังไง ถ้าไม่มีผมคอยเป่าผมให้คุณหลังจากคุณสระผมเสร็จ" ฉันหัวเราะขำๆใส่เขาพร้อมกับตอบเขาไปว่าฉันก็ไปใช้บริการร้านทำผม ซึ่งปกติฉันก็ทำแบบนั้นอยู่แล้ว ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรที่จะต้องจ่ายค่าบริการทำผม แต่ฉันรู้สึกใจหายที่จะไม่มีเขาคอยเป่าผมให้ฉันอีก... ตลอดไป
ฉันเลือกที่จะเขียนภาพแนวแอพสแทรคเพื่อบันทึกเป็นความทรงจำระหว่างความสัมพันธ์ของฉันกับเขา แอพสแทรคที่เต็มไปด้วยสีโทนเข้ม เส้นสายที่ตัดพาดกันดูแข็งแรงและชัดเจนบ่งบอกถึงความเป็นตัวฉันและความเป็นตัวเขา นอกจากเส้นสีจากปลายพู่กันอีกส่วนหนึ่งฉันใช้เกรียงปาดสีมืดจัดตวัดเป็นวงกลมสองวงทับเส้นสายที่ลงไว้แล้ว วงกลมคือความเหมือนระหว่างฉันกับเขาแต่เป็นสองวงกลมที่แยกจากกัน ฉันจุ่มพู่กันลงในถังนำ้หลังจากลงวันที่กำกับไว้ใต้ภาพพร้อมกับเพ่งมองภาพเขียน มันจะถูกนำไปแขวนไว้ในที่ๆฉันจะได้เห็นทุกวัน มันจะเป็นสัญลักษณ์แห่งความล้มเหลวของความเชื่อใจ มันจะคอยเตือนสติฉันในยามที่ฉันอ่อนไหว
เสร็จจากภาพเขียนฉันยังนั่งอยู่ที่เดิมพร้อมกับนำ้โซดาลอยมะนาวซีกเแก้วใหญ่ หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดเพลงของแจ็ค จอห์นสัน แนวเพลงฟังเล่นๆสบายๆ ฉันรู้สึกว่าจิตใจฉันสงบและเป็นสุขหลังจากที่ฉันได้ทำในสิ่งที่ฉันตั้งใจไว้
บทที่สิบเอ็ด
"นอนคว่ำแขนแนบลำตัวนะคะ" หมอนวดหญิงวัยกลางคนกล่าวกับฉันเมื่อฉันเดินเข้าไปในร้านนวดริมถนนคนเดินในคืนวันเสาร์และบอกกับเธอว่าฉันต้องการนวดไหล่ หลัง และศีรษะ ฉันนอนคว่ำลงกับฟูกผืนบางหน้าอกเกยไว้กับหมอนยัดนุ่นใบเล็ก หน้าผากสัมผัสกับฟูกและพยายามจะผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจให้อยู่ณ.จุดศูนย์ หมอนวดปฏิบัติหน้าที่ของเธออย่างคล่องแคล่ว นิ้วแข็งแรงไล่บีบเค้นกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นหลังของฉันไล่จากตำ่ขึ้นสูงมาเรื่อยๆจนฉันสัมผัสได้ถึงพลังงานร้อนจัดที่วิ่งผ่านต้นคอไปถึงปลายนิ้ว ฉันเองไม่ได้หลงไหลศาสตร์การนวดสักเท่าไหร่แต่สำหรับคืนนี้ฉันอยากให้ใครซักคนมาสัมผัสตัวฉัน มาเติมความอบอุ่น ความใกล้ชิดและพูดคุยใกล้ๆทำให้ตัวฉันไม่รู้สึกอ้างว้างเหมือนกับช่วงเวลาหลายๆเดือนที่ผ่านมา เสียงเพลงพื้นเมืองจากเสียงตามสายของทางเทศบาลดังอ้อยสร้อยเป็นแบคกราวด์เพิ่มความขลังให้ร้านนวดและร้านรวงอื่นๆที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ทำมือจากท้องถิ่น ฉันนอนหลับตาและปล่อยให้อารมณ์จมดิ่งลงไปในห้วงลึก ไม่มีเขา ไม่มีใคร ไม่มีรัก ไม่มีเกลียด มีแค่ร่างกายของฉันกับสัมผัสของหมอนวดข้างถนน....
หลังเสร็จสิ้นการนวดฉันเดินข้ามถนนไปยังคาเฟ่เล็กๆหัวมุม นักร้องหนุ่มกำลังบรรเลงเพลงสากลหวานเจื้อยแจ้วคลอกับเสียงกีตาร์ที่ตัวเองเล่น ฉันนั่งลงตรงมุมมืดสุดพร้อมกับสั่งไวน์ขาวหนึ่งแก้ว หลังจากสั่งแล้วฉันจึงรู้ตัวว่าผิดวิสัยตัวเองที่เรียกหาไวน์ขาว ด้วยว่าตัวตนที่แท้จริงของฉันแล้วฉันดื่มเฉพาะไวน์แดง ไวน์ขาวมันคงเป็นความเคยชินและเป็นอิทธิพลจากเขา อดีตคนพิเศษของฉัน ฉันปล่อยใจให้ดื่มด่ำไปกับบทเพลงและรสชาติละมุนของไวน์ ทุกคำร้อง ทุกบทเพลงซึมซาบเข้าไปถึงก้นบึ้งหัวใจฉัน คงไม่มีครั้งไหนที่ฉันตั้งใจฟังเพลงเหมือนคืนนี้มันเหมือนกับว่าทุกคำของทุกเพลงมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉัน มันเป็นสิ่งที่ฉันเคยสัมผัสเคยกระทำ นักร้องหนุ่มเสียงดีหลายคนเปลี่ยนกันขึ้นมาร้องเพลงต่างแนวบนเวที มีหลายคนพยายามส่งสายตามาให้ฉัน ผู้หญิงเดี่ยวนั่งมุมมืด ฉันทำหน้าเรียบเฉยใส่พวกเขาแสดงให้รับรู้ว่าฉันมาเพื่อจะผ่อนคลาย นั่งดื่ม ฟังเพลง ไม่ได้สนใจที่จะมองหาใครหรืออยากคุยกับใคร
หมดไวน์ไปสามแก้วฉันก็ยังนั่งอยู่มุมเดิม และฉันก็ค้นพบเกมส์ใหม่ๆ เกมส์ชีวิตที่น่าท้าทายและน่าหัวเราะเยาะกับการใช้ชีวิตคู่ ฉันสั่งไวน์แก้วที่สี่พร้อมกับหันไปมองรอบๆ ลูกค้าส่วนมากของที่นี่จะมาเป็นคู่และหากผู้หญิงลุกไปห้องนำ้ผู้ชายก็จะเริ่มสอดสายตามองไปทั่วคาเฟ่ พอฉันสบตาเขา เขาก็จะส่งสายตาท้าทายและเชิญชวนกลับมา พอผู้หญิงของเขากลับมาเขาก็จะกลับเป็นคนแสนดีของเธอเหมือนเดิม ฉันไม่ได้มองผิดหรือคิดไปเองเพราะฉันได้ลองถึงสามครั้งจากสามหนุ่มที่นั่งต่างมุมกันในคาเฟ่ ความรัก ความไว้ใจ ความศรัทธา สิ่งเหล่านั้นมันได้ตายไปจากฉันนานแล้ว จิตใจฉันคงกระด้างเกินไปจนกว่าที่จะยอมรับได้ว่าผู้ชายเหล่านั้นก็แค่"มอง" ผู้หญิงอื่นไม่ได้เจตนาจะเกินเลยไปกว่านั้น หวลคิดไปถึงเขาอดีตผู้ชายของฉัน จิตใจเขาคงแข็งแกร่งเกินไป เกินกว่าจะให้โอกาส "เรา" อีกครั้ง
Friday, October 10, 2014
บทที่สิบ
จักรยานเสือภูเขาสีดำคันเก่งพาร่างฉันทะยานฝ่าลมหนาวไปตามถนนเส้นเล็กคดเคี้ยวที่ทอดผ่านทุ่งหน้ากว้างใหญ่จรดไปถึงเทือกเขาไกลลิบตา กลิ่นหอมของรวงข้างออกใหม่แผ่กระจายไปทั่วทุ่ง สีเขียวจัดของนาข้าวทำให้ทุ่งนาดูแลมีมนต์ขลังและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ฉันชลอความเร็วลงพร้อมกับสูดหายใจลึกๆ นึกอยากให้มีคนผลิตนำ้หอมกลิ่นรวงข้าวออกใหม่มาขายฉันคงเป็นหนึ่งในลูกค้าประจำแน่นอน นอกจากกลิ่นหอมจากทุ่งนายังมีอีกหนึ่งกลิ่นหอมที่แทรกเข้ามาฉันพยายามมองหาที่มาจนในที่สุดก็เจอต้นตีนเป็ดต้นเล็กๆขึ้นแซมระหว่างคันนา ดอกตีนเป็ดช่อสีขาวเล็กส่งกลิ่นหอมฉุนหากเข้าไปสูดกลิ่นใกล้ๆแต่จากระยะไกลผสมกลิ่นรวงข้าวมันกลับทำให้เกิดกลิ่นที่น่าเย้ายวนไม่แพ้นำ้หอมชื่อดังราคาสูง อดคิดไปถึงผู้ชายในอดีตของฉันไม่ได้ เขามักจะทำหน้าขำๆทุกครั้งที่เห็นฉันซื้อนำ้หอมขวดเล็กราคาแพงลิ่วจากร้านดิวตี้ฟรีที่สนามบิน "คุณต้องเก็บเงินนานเท่าไหร่ถึงจะซื้อมันได้น่ะตัวเล็ก" ฉันบอกเขาไปว่ามันเป็นอารมณ์ของผู้หญิง สิ่งที่ผู้หญิงรักและชอบไม่ว่ามันจะถูกหรือแพงจะลำบากหรือง่ายดายผู้หญิงก็ต้องขวนขวายให้ได้มา เขาทำหน้าประหลาดกับคำตอบของฉันแต่จากนั้นอีกไม่กี่เดือนเขาก็ยื่นถุงกระดาษใบเล็กจากดิวตี้ฟรีส่งให้ฉัน ถุงกระดาษที่บรรจุนำ้หอมยี่ห้อที่ฉันใช้มานานนับสิบปี
ฉันออกแรงในการปั่นจักรยานเพิ่มมากขึ้นและพยายามสลัดความคิดเรื่องเขาออกจากสมองของฉันแต่ดูเหมือนว่ามันจะไร้ผลในวันนี้ ภาพเก่าๆกลับเข้ามาในหัวของฉัน ภาพที่เราปั่นจักรยานขึ้นลงเขาในนอร์ทเวสท์ ภาพที่เขาจอดจักรยานรอฉันอยู่บนเนินเขาเพราะฉันหมดแรงปั่นจนต้องจูงขึ้นเนิน ภาพเขาหัวเราะทุกครั้งที่เห็นฉันลงจูงจักรยาน ภาพเขายื่นหมวกนิรภัยจักรยานใบใหม่ให้ฉันในวันที่ฉันยอมไปปั่นจักรยานกับเขา ความคิดถึงเขามาสะดุดที่นอกจากฉันแล้วมีผู้หญิงอีกกี่คนที่เขาเคยยื่นหมวกให้ หนึ่งในนั้นมันคงรวมถึงผู้หญิงเวียดนามของเขา
ฉันชะลอความเร็วลงและจอดจักรยานไกล้กับแม่นำ้สายเล็กๆริมทาง พิงจักรยานไว้กับต้นชงโคที่กำลังออกดอกสีชมพูหวานเต็มต้น ทรุดตัวลงนั่งพิงอีกด้านหนึ่งของต้นชงโคหลับตาลงพร้อมกับหายใจเข้าออกลึกๆ ฉันคงใช้เวลาและระยะทางมากเกินไปกับการปั่นจักรยานวันนี้ เริ่มตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงบ่ายค่อน ลมหนาวพัดผ่านไอแดดมากระทบตัวฉันมันทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆ อบอุ่นแต่เย็นยะเยือก ฉันลืมตาขึ้นมองท้องฟ้าสีเข้มจัดที่ตัดกันสีชมพูหวานจากกลีบดอกเรียวแหลมของดอกชงโค ฉันชอบฤดูหนาวของภาคเหนือ ฉันชอบซุกตัวอยู่ในผ้าห่มลายดอกโบตั๋นหนานุ่มที่ฉันซื้อหามาจากประเทศจีน ฉันชอบใส่รองเท้าบู้ทคู่โปรดเดินไปมาในห้อง ชอบถ่ายรูปดอกไม้สวยๆแปลกตาที่ออกดอกเฉพาะหน้าหนาว และฉันก็ชอบที่จะมีเขาเคียงข้างในวันที่เหน็บหนาว
Thursday, October 9, 2014
บทที่เก้า
สี่วันในฮานอยของฉันหมดไปกับการนอนวันละไม่ตำ่กว่าสิบสี่ชั่วโมง ดูเหมือนว่าร่างกายฉันกำลังเรียกร้องให้ทดแทนหลังจากที่นานนับเดือนฉันนอนหลับๆตื่นๆและทุกครั้งที่เหมือนจะเคลิ้มหลับลงก็เต็มไปด้วยฝันร้ายจนไรผมและหลังเปียกโชกทุกคืน เมื่อร่างกายเรียกร้องหาอาหารฉันก็เดินออกมาจากที่พักไปแค่ไม่กี่ก้าวเพื่อกินเฝอหนึ่งถ้วยจากนั้นก็ข้ามถนนไปนั่งดื่มที่คาเฟ่เล็กๆหัวมุมถนน ฉันเลือกที่จะนั่งข้างนอกถึงแม้อากาศจะหนาวเย็นและเต็มไปด้วยควันบุหรี่จากโต๊ะข้างเคียง เสื้อแขนยาวตัวหนานุ่มที่ฉันสวมใส่บวกกับผ้าพันคอผืนโตและฤทธิ์เดชของชานำ้ผึ้งมะนาวแก้วโตควันกรุ่นทำให้ร่างกายและจิตใจฉันรู้สึกอบอุ่นและสงบ ผู้คนที่สัญจรบนถนนส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว เสียงแตรรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ดังอยู่ไม่ขาดสาย แม่ค้าหลายคนหาบสินค้าเดินขวักไขว่ไปมา ดอกไม้สีสวยๆแปลกตา ส้อโอมือรูปร่างหงิงงอน่าพิสวง ขนมกรุบกรอบเครือบนำ้ตาลขึ้นเงาแลดูน่ากิน หลายๆคนหาบแห้วดิบที่มีทั้งแบบปอกเปลือกและไม่ปอกเปลือก ฉันอุดหนุนแห้วจากแม่ค้าคนหนึ่งสองสามครั้ง ทุกครั้งที่เธอเห็นฉันเธอจะรี่เข้ามาหาพร้อมกับยื่นแห้วที่ปอกแล้วสองสามลูกให้ รอยยิ้มกว้างดูจริงใจของเธอทำให้ฉันอดจะซื้อสินค้าของเธอไม่ได้ หนุ่มน้อยพนักงานคาเฟ่เอื้อมมือมาหยิบถ้วยชาที่ว่างเปล่าของฉันกลับไปหลังเคาท์เตอร์และกลับมาใหม่พร้อมกับชาถ้วยใหม่ ฉันเงยหน้าขึ้นมองเพราะไม่ได้สั่งถ้วยใหม่ หนุ่มน้อยพยักหน้าไปยังมุมหนึ่งของคาเฟ่ให้ฉันมองตาม ชายร่างสูงผิวขาวจัดแต่งกายในชุดทำงานเรียบร้อยพร้อมสูทรสีเข้มยกแก้วเบียร์ชูขึ้นมองตรงสบตาฉัน ฉันยกถ้วยชาขึ้นพร้อมกับทำปากขมุบขมิบขอบคุณ หมดชาถ้วยที่สองฉันเรียกพนักงานมาคิดเงินพร้อมทั้งจ่ายเพิ่มเป็นค่าเบียร์ตอบแทนให้เจ้าของชาถ้วยที่สอง ฉันลุกขึ้นยืนสะพายกล้องแนบลำตัวและเดินออกจากคาเฟ่โดยไม่หันกลับมามองข้างหลัง ฉันยังไม่อยากพูดคุยสนทนากับใครทั้งนั้น ฉันแค่อยากอยู่กับตัวฉันเอง
ตอนเย็นวันที่สี่ฉันตัดสินใจเก็บสัมภาระเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมพร้อมทั้งจองตั๋วรถไฟรอบสามทุ่มไปซาปาเมืองที่ฉันรักอีกหนึ่งเมือง ซาปาเมืองแห่งหุบเขาและบ้านของม้งดำ เมืองที่ฉันเคยกินนอนอยู่นับเดือนตอนที่มาถ่ายรูปและเก็บข้อมูลกับนิตยสารท่องเที่ยวชื่อดังของยุโรปหลายๆปีก่อน เมืองที่ฉันและตากล้องมือโปรคนหนึ่งได้นั่งคุยกันข้างเตาผิงกับไวน์แดงรสดีว่าเราเกิดมาเพื่อกันและกันแต่ท้ายสุดเราก็แค่เกิดมาเพื่อกันและกันเพียงช่วงเวลาสั้นๆ.... รถไฟเคลื่อนที่ออกจากฮานอยช้าๆ ผ่านตึกเล็กๆแคบๆแต่สูงเสียดที่เรียงเป็นแถวยาวและทิ้งช่วงเป็นบ้านเดี่ยวจนท้ายสุดเหลือแค่ทุ่งนากว้างสุดตา แสงสว่างจากดวงไฟข้างทางลดน้อยไปเรื่อยๆจนในที่สุดความมืดก็เข้ามาแทนที่ ฉันนอนขดตัวอยู่บนเตียงนอนรถไฟชั้นบน เสียงรถไฟดังเป็นจังหวะเข้าหูฉันเหมือนกับพยายามขับกล่อมฉันให้หลับไหลไปกับคำ่คืนอันมืดมิด ฉันผ่อนหายไจยาวๆหลับตาลงและจมดิ่งลงไปในห้วงแห่งนิทรา
เสียงเคาะประตูเคบินปลุกให้ฉันตื่นขึ้นมา กดดูเวลาจากโทรศัพท์มือถือบอกว่าเป็นเวลาตีห้า รถไฟคงไกล้จะถึงลาวไกเมืองที่ฉันต้องลงและต่อรถไปยังซาปาแล้ว ฉันขี้เกียจเกินกว่าจะไปล้างหน้าแปรงฟันทำธุระส่วนตัวในห้องนำ้รถไฟแคบๆเหม็นๆจึงได้แต่นั่งรอจนรถไฟหยุดลงช้าๆที่สถานีลาวไก ใช้เวลาไม่กี่นาทีฉันก็พาตัวเองมานั่งบนรถตู้คันเล็กที่พาฉันลัดเลาะไปตามถนนแคบๆขึ้นเขาลงเขาร่วมครึ่งชั่วโมงและสุดท้ายฉันก็มายืนอยู่หน้าโบสถ์เล็กๆกลางเมืองซาปา หญิงชาวม้งดำในชุดประจำเผ่าเดินขวักไขว่ไปมาบนถนน บนหลังของพวกเขามีเด็กทารกตัวน้อยนอนขดตัวอยู่ในผ้าคาดสีดำดูน่ารักน่าทนุถนอมเหมือนดักแด้ตัวโต แสงแดดอ่อนๆยามเช้าอบอุ่นนักจนฉันอดไม่ได้ที่จะนั่งลงบนม้านั่งตัวเล็กหลับตาลงปล่อยให้ไอแดดโลมเลียร่างกายพร้อมกับปล่อยใจให้ว่างเปล่า
สามวันเต็มๆในซาปาฉันใช้เวลาไปกับการถ่ายภาพผู้คน และทิวทัศน์ของนาขั้นบันไดที่กำลังเขียวขจี ฉันเก็บภาพสาวม้งดำที่กำลังหัวเราะเต็มที่โชว์ฟันทองสองมุมปาก ภาพเด็กตัวเล็กๆแบกตะกร้าใบจิ๋วบรรจุฟืนเดินขึ้นลงเขาเหมือนกับตะกร้านั้นไร้ซึ่งนำ้หนัก ภาพของสองพ่อลูกที่ช่วยกันจับลูกเป็ดสีเหลืองนวลลงตะกร้าไม้ไผ่สาน ฉันใช้เวลาอีกหลายๆชั่วโมงต่อวันในการเดินจากหมู่บ้านหนึ่งไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่งผ่านกระท่อมหลังโย้ที่มีควันไฟลอดออกมาจากหลังคา ผ่านแม่นำ้สายเล็กๆที่คดเคี้ยว ผ่านทุ่งนา ผ่านกลุ่มเด็กๆที่โบกมือทักทาย ตอนคำ่ฉันกลับเข้าที่พักและหมกตัวอยู่ข้างเตาผิงเช็ครูปที่ฉันบันทึกลงในกล้อง จนดึกดื่นค่อนคืนและหลับไหลไปกับแก้วไวน์ในมือ ตื่นมาอีกวันฉันก็ทำเหมือนเดิม ออกเดินสำรวจตามหมู่บ้านมองหาจุดสวยๆสำหรับถ่ายรูป ซื้อขนมติดมือไปฝากเด็กๆตามรายทาง นั่งดื่มชาและมองผู้คนเดินผ่านไปมา บางครั้งฉันยังเห็นเขา ผู้ชายตัวโตคนที่ฉันผูกพันธ์ คนที่คอยดูแลฉันมานานปี คนที่เคยชงกาแฟถ้วยโตให้ฉันในตอนเช้าเดินปะปนกับผู้ที่นี่ บางครั้งฉันยังสัมผัสได้ถึงไออุ่นของเขาข้างๆกายฉัน และบางครั้งฉันก็ยังแอบคิดถึงเขา
Wednesday, October 8, 2014
บทที่แปด
"Enjoy your stay Miss." เสียงเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสนามบินนอยไบกล่าวหลังจากยื่นพาสปอร์ตส่งคืนให้ฉัน ฉันตอบขอบคุณและเดินฝ่านักท่องเที่ยวชาวจีนนับสิบคนที่ยืนส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวออกไปยังประตูทางออก เป้ใบเก่าที่ผ่านร้อนหนาวมานับร้อยทริปยังทำหน้าที่ของมันอย่างซื่อสัตย์อยู่บนแผ่นหลังของฉัน เสื้อสี่ห้าตัว กางเกงอีกสองตัว ผ้าพันคอผืนโต ชุดชั้นและของใช้ส่วนตัวอีกไม่กี่ชิ้นถูกบรรจุอยู่ในนั้นและตบท้ายด้วยกล้องถ่ายรูปตัวที่เบาที่สุดที่ฉันเป็นเจ้าของ กระเป๋าใบนี้มันจะบรรจุชีวิตทั้งชีวิตของฉันไว้ในเวลาแปดวันที่ฉันจะใช้ชีวิตในเวียดนาม หลังจากที่ฉันรู้สึกตัวว่าทั้งร่างกายและจิตใจมีพลังพอที่จะเผชิญกับโลกได้ฉันตัดสินใจที่จะไปไหนซักที่หนึ่งไปให้ไกลจากที่ๆเคยอยู่ ไปให้ไกลจากทุกสิ่งทุกอย่างที่คุ้นเคย และไปให้ไกลจากความคิดเดิมๆที่ยังมีเขาคอยวนเวียนหลอกหลอน ความโชคดีในความโชคร้ายฉันไม่ได้เหลือเงินมากมายนักสำหรับการท่องเที่ยวในปีนี้ ตัวเลือกจึงมีอยู่ไม่กี่ตัวและฉันก็ตัดสินใจเลือกเวียดนามเพราะค่าตั๋วเครื่องบินอยู่ในช่วงโปรโมชั่นและค่าโรงแรมก็ไม่ได้แพงอะไรแต่ฉันก็ต้องเผชิญหน้ากับประเทศที่ "เขา" ผู้ชายคนนั้นก็มาเยี่ยมเยือนบ่อยๆด้วยเหตุว่าผู้หญิงอีกคนหนึ่งของเขาก็เป็นคนที่นี่ ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้พร้อมกับพูดกับตัวเองว่า "นี่กระมัง หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง"
ฉันเดินออกมาจากตัวอาคารสนามบินและเลี้ยวขวาเดินต่อไปจนสุดทางเพื่อที่จะขึ้นรถโดยสารประจำทางไปในตัวเมืองฮานอย ฉันคุ้นเคยฮานอยดีเพราะเคยมาที่นี่นับสิบครั้งจึงไม่ได้ยากเย็นสำหรับฉันในการเดินทาง รถเมล์โดยสารเก่าๆที่ผู้โดยสารทั้งหมดเป็นชาวเวียดนามยกเว้นฉันคนเดียวเคลื่อนตัวออกจากท้ายสนามบินช้าๆ พนักงานประจำรถเดินเก็บค่าโดยสารมาจากด้านหลังสุดจนมาหยุดที่ฉันซึ่งนั่งอยู่หน้าสุด ฉันบอกเขาว่าฉันต้องการลงป้ายสุดท้ายซึ่งไม่ไกลจากโอลด์ควอร์ทเตอร์จุดที่ฉันได้จองห้องพักไว้พร้อมกับยื่นค่าโดยสารให้ พนักงานหนุ่มน้อยประจำรถยิ้มกว้างให้ฉันพร้อมกับชี้มาที่ฉันและเอ่ยว่า "เวียด" ฉันสั่นหัวให้เขาและตอบกลับว่า "No" ความเจ็บปวดระรอกแรกเริ่มโหมเข้ามา คนไทยและคนเวียดนามมีหลายอย่างคล้ายกันนี่คงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เขาถึงมีฉันและมีผู้หญิงชาวเวียดนามอีกหนึ่งคน... รถแล่นเข้าสู่ตัวเมืองช้าๆ ละอองฝนปลิวเข้ามาในรถกระทบผิวหน้าฉัน อากาศในฮานอยค่อนข้างเย็นจนฉันต้องล้วงผ้าพันคอออกมาจากเป้และห่มคลุมตัวเองให้พ้นจากไอหนาว แขนสองข้างของฉันกอดเป้ใบเล็กไว้แนบอกเพื่อเพิ่มความอบอุ่น ผู้คนสองข้างทางเดินเบียดกันอยู่บนทางเท้า ผู้หญิงเวียดนามตัวเล็กใส่ชุดประจำชาติเห็นผมยาวเฟื้อยที่ลอดออกมาจากหมวกทรงแหลมที่สวมอยู่ชั่งน่าดูนัก ฉันเองเป็นผู้หญิงเหมือนกันยังอดชื่นชมไม่ได้ เขาเองก็คงคิดเช่นเดียวกับฉัน เขาไม่ได้ผิดอะไรที่จะรักจะชอบกับผู้หญิงที่นี่แต่เขาผิดตรงที่เขาไม่ควรปิดบังฉัน เขาผิด ผิดอย่างมหันต์
รถจอดสนิทที่ป้ายสุดท้าย ฉันเดินจากรถช้าๆข้ามไปอีกฟากหนึ่งของถนนและลัดเลาะไปเรื่อยๆผ่านหาบแม่ค้าที่ขายอาหารประเภทเฝอและปิ้งย่าง กลิ่นอาหารกลิ่นควันไฟตลออบอวนไปทั่วถนนและมันเป็นครั้งแรกในรอบหลายๆเดือนที่ฉันรู้สึกหิว ฉันปลดเป้ออกจากบ่าพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเล็กๆหน้าหาบแม่ค้าสั่งอาหารโดยการชี้นั่นนี่และสุดท้ายฉันก็ได้เฝอถ้วยโตมาดับความหิวพร้อมทั้งเบียร์ฮานอยขวดเล็ก จัดการเรื่องปากท้องเสร็จฉันพาตัวเองเข้ามาในห้องพัก มันเป็นห้องที่เล็กที่สุดเท่าที่ทางโรงแรมมีอยู่และฉันเองเป็นคนเลือกห้องนี้เพราะไม่อยากอยู่ในห้องใหญ่ซึ่งมันทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองตัวเล็กลง ฉันเปิดนำ้อุ่นจัดราดลงบนตัวเองเหมือนกับจะพยายามกระตุ้นให้ทั้งร่างกายและหัวใจอุ่นขึ้นมาหลังจากที่มันเย็นยะเยือกมานานนับเดือน หลังจากการอาบนำ้ที่ยาวนานฉันสอดตัวเองในผ้าห่มผืนโตและนี่เป็นคืนแรกที่ฉันหลับได้อย่างง่ายดายและยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ฉันตัดสินใจที่จะไม่มีเขาในชีวิต
มีคนพูดไว้ว่า ผู้หญิงกับผู้ชายถ้าอกหักแล้วออกเดินทาง ผู้ชายก็แค่เปลี่ยนสถานที่กินเหล้า แต่ผู้หญิงเปลี่ยนสถานที่ร้องไห้ ฉันว่ามันไม่จริงสักเท่าไหร่ อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้ร้องไห้ หรืออาจจะเป็นเพราะฉันไม่ได้อกหัก ฉันแค่เสียใจ เสียความรู้สึกดีๆที่เคยมี และสุดท้ายก็ตัดสินใจเสียเขาไป
Tuesday, October 7, 2014
บทที่เจ็ด
ลมหนาวพัดพาความเย็นเยือกผ่านช่องหน้าต่างบานเล็กเข้ามาสู่กระท่อมหลังที่ฉันพักพิงอยู่ ต้นเดือนตุลาคมแต่ดูเหมือนว่าปีนี้ฤดูหนาวจะมาเยือนทางเหนือของประเทศไทยเร็วกว่าปกติ ฉันขยับตัวจากใต้ผ้าห่มผืนนุ่มเป็นท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน พลางนึกถามตัวเองว่าเป็นเวลากี่ชั่วโมงหรือว่ากี่วันหรือกี่อาทิตย์ที่ฉันหมกตัวเองอยู่บนเตียง ความเจ็บปวดในดวงใจดูเหมือนไม่มีท่าทางจะทุเลาเบาบางลง ทุกครั้งที่ฉันหลับตาลงภาพในอดีตยังคงตามมาหลอกหลอน ภาพแห่งความสุขที่ฉันกับเขาเคยมีร่วมกัน เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม คำพูดบางประโยคและบางครั้งฉันยังสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากกายเขา ฉันไม่เคยคิดว่าความรู้สึกที่ฉันมีต่อเขามันจะลึกซึ้งถึงขนาดนี้เพราะเราไม่เคยใช้คำว่ารักต่อกัน ฉันไม่เคยบอกรักเขา เขาเองก็ไม่เคยพูดคำนั้นกับฉัน ฉันเคยแค่พูดในแนวที่ว่าให้เราแค่ซื่อสัตย์ต่อกัน ไม่โกหก ไม่มีคนอื่นในขณะที่เรายังมีกันและกัน ส่วนที่เหลือที่เรามีต่อกันมันคือความใส่ใจ ดูแลซึ่งกันและกัน ฉันพึ่งรู้ถึงความงี่เง่าของตัวเองเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างมันพังทลายลง ความเชื่อใจ ความศรัทธา กับผู้ชายหนึ่งคน
หลังจากที่ฉันได้อ่านเมล์ฉบับนั้นฉันก็ลบมันทิ้งและพยายามลบทุกสิ่งทุกอย่างออกจากใจ แต่มันก็ไม่ได้ง่ายดายอย่างใจคิด ฉันคงเงียบไปหลายวันเขาจึงพยายามติดต่อมา ข้อความ เมล์ โทรศัพท์ ฉันไม่พร้อมที่จะติดต่อกับเขาไม่ว่าทางใดๆทั้งสิ้น สุดท้ายฉันทนเสียงรบกวนเหล่านั้นไม่ไหวจึงคุ้ยเมล์ฉบับที่ฉันลบทิ้งไปแล้วมาส่งกลับไปให้เขาพร้อมกับบอกให้เขาหายไปจากชีวิตฉัน ปลายทางดูเหมือนจะเงียบไปหลายวันและในที่สุดก็มีข้อความกลับมาว่า "ผมไม่เคยโกหกคุณ ผมไม่เคยมีคนอื่นนอกจากคุณในขณะที่เรามีความสัมพันธ์กัน" ฉันจำได้ว่าเป็นครั้งแรกในรอบหลายๆวันที่ฉันหัวเราะ หัวเราะกับข้อความงี่เง่าของผู้ชายเลวๆคนหนึ่งระหว่างที่ฉันหัวเราะก็มีหยดนำ้ตาไหลลงมากระทบแก้มฉัน มันเป็นนำ้ตาหยดแรกที่ไหลออกมาตั้งแต่ฉันได้อ่านเมล์ฉบับนั้นและฉันก็ได้สัญญาว่ามันจะเป็นแค่หยดเดียวที่ฉันสังเวยให้กับความรู้สึกที่มีต่อเขา
ฉันดึงผ้าห่มเข้ามากระชับแนบอกอีกครั้ง ความเย็นที่แทรกตัวเข้ามาในกระท่อมบวกกับความเจ็บหน่วงในใจทำให้ฉันไร้เรี่ยวแรงที่จะขยับตัวไปไหน อยากจะนอนอยู่อย่างนี้ไปนานๆ นานจนกว่าจะมีแดดอุ่นๆมากระทบตัวและอุ่นร่างกายรวมไปถึงหัวใจของฉันให้มันแข็งแกร่งดังเดิม ฉันเฝ้าบอกตัวเองว่า วันนี้ฉันเหนื่อยฉันแค่นอนพักให้หายเหนื่อย เมื่อฉันหายเหนื่อยแลัวฉันจะลุกขึ้นมาใหม่พร้อมจะใช้ชีวิตต่อไปในแบบที่ฉันต้องการ เขาก็เป็นแค่บทเรียนบทหนึ่ง เป็นแค่อุปสรรคในชีวิตช่วงหนึ่ง แล้วมันก็จะผ่านไป....
Monday, October 6, 2014
บทที่หก
"ที่รักของผม อีกไม่กี่อาทิตย์เราก็จะได้เจอกัน ผมจัดเตรียมอุปกรณ์การแพทย์สำหรับโรงพยาบาลดานังไว้เรียบร้อยแล้วและหวังว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อคนป่วยในโรงพยาบาลบ้านเกิดของคุณ ผมคิดถึงคุณนึกถึงวันที่เราปั่นจักรยานด้วยกันที่เว้ นึกถึงวันที่เราเดินเล่นบนหาดทรายที่ดานัง นึกถึงผมยาวสลวยของคุณยามถูกลมพัดสยาย จะกอดคุณให้สาสมใจที่สนามบินในวันที่คุณมารับผมอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า........"
ฉันอ่านอีเมล์นั้นด้วยสายตาที่พร่ามัว ร่างทั้งร่างดูเหมือนจะหมดสิ้นซึ่งความรู้สึกไปชั่วขณะ หัวใจฉันเหมือนโดนมีดเล่มเล็กกรีดเป็นริ้วๆทั้งแนวนอนและแนวขวาง ความเจ็บปวดมันมากมายจนทำให้ฉันรู้สึกถึงความหน่วงชาในทุกจังหวะเต้นของหัวใจ อีเมล์จากเขาผู้ชายที่ฉันเลือกให้มาอยู่แนบชิดหัวใจฉันมากกว่าใครๆ ผู้ชายคนที่คอยดูแลห่วงใยฉันมานานนับปี ผู้ชายคนที่ฉันคิดไว้ว่าถ้าจะเลือกใครซักคนเป็นคู่ชีวิตก็จะต้องเป็นเขา ผู้ชายคนที่ฉันไว้ใจที่สุดและคิดว่าดีที่สุดสำหรับฉัน
หลายอาทิตย์ก่อนก่อนที่เราจะลาจากกันที่นอร์ทเวสท์เขาบอกกับฉันว่าเขาต้องเดินทางมาเวียดนามหนึ่งอาทิตย์เพื่อมาเลคเชอร์นักศึกษาแพทย์ที่เมืองดานัง ฉันเห็นเขาง่วนอยู่กับการสั่งอุปกรณ์การแพทย์หลายๆอย่างเพื่อใช้ประกอบคำบรรยาย ฉันยังอดชื่นชมกับความมีนำ้ใจของเขาไม่ได้เพราะรู้ว่าเขาทำโดยไม่มีค่าตอบแทนใดๆ เขาบอกฉันว่าถ้าพอมีเวลาเหลือเขาจะแวะมาหาฉันที่เมืองไทย ฉันไม่ได้ตอบเขาเพราะรู้ดีว่าฉันเองก็คงยุ่งๆอยู่กับงานของตัวเอง และเขาเองก็เดินทางไปเวียดนามอยู่บ่อยๆโดยที่ไม่ได้แวะมาเยี่ยมเยียนฉัน
ภาพหลายๆภาพย้อนกลับเข้ามาในความทรงจำของฉัน ภาพเขาชงกาแฟแก้วแรกของวันให้ฉัน ภาพที่เขาบรรจงผูกสายรองเท้าให้ฉันระหว่างที่ฉันง่วนอยู่กับการถ่ายภาพ ภาพของเขายื่นแก้วไวน์ใบโตที่มีไวน์ขาวรสหวานจัดที่ฉันชอบให้พร้อมกับรอยยิ้มกว้าง และภาพสุดท้ายเค้กช้อคโกแลตก้อนโตในวันเกิดของฉัน ฉันกระพริบตาอีกสองสามครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเมล์ที่อยู่ในกล่องรับของฉันได้ถูกส่งมาจากเขาจริง ความเจ็บหน่วงในใจยังไม่ทุเลาแม้ว่าเวลาจะผ่านไปร่วมชั่วโมง อีเมล์ข้างหน้าฉันมันเป็นเรื่องจริงเพียงแต่ว่ามันถูกส่งมาให้ผิดคน มันควรจะถูกส่งไปยังผู้หญิงของเขา หรือจะเรียกให้ถูกว่าผู้หญิงอีกคนหนึ่ง....ของเขา
Saturday, October 4, 2014
บทที่ห้า
บทที่ห้า
เสื้อตัวสุดท้ายถูกเก็บใส่กระเป๋าเดินทางสีดำใบย่อมและหลังจากตรวจสอบจน แน่ใจว่าไม่ได้หลงลืมอะไรไว้ข้างหลังแล้วฉันก็รูดซิบกระเป๋าและลากไปพิงไว้ มุมห้องด้านหนึ่ง อีกหลายชั่วโมงกว่ารถแทกซี่ที่นัดไว้จะมารับฉันไปส่งยังสนามบิน ละอองฝนบางๆปลิวมากระทบหน้าต่างทำให้ทิวทัศน์ข้างนอกดูบิดเบี้ยวตามการหักเห ของแสง วันสีเทาของนอร์ทเวสท์ได้เริ่มขึ้นแล้วตั้งแต่สองคืนก่อนนับจากนี้จนถึง เดือนมีนาคมก็จะมีแต่ฝนและท้องฟ้าสีเทา ฉันทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้บุสีเข้มตัวหนานุ่มที่ทางโรงแรมได้จัดวางไว้ในมุม ที่แสงจากธรรมชาติสามารถสาดเข้ามาได้มากที่สุด โรงแรมที่พักเป็นโรงแรมขนาดใหญ่อยู่ในกลุ่มของสตาร์วูดที่มีโรงแรมชื่อดัง หลายๆโรงแรมร่วมในเครือและมีสาขาอยู่ทั่วโลก ค่าห้องพักสูงลิบหากต้องจ่ายด้วยเงินแต่ลูกค้าส่วนมากก็จะเป็นเมมเบอร์และ ใช้วิธีการสะสมแต้มและเดินทางในรูปแบบของตัวแทนบริษัท เช่นเดียวกับฉันที่เป็นเมมเบอร์มานับสิบปีและจองห้องด้วยการใช้ชื่อบริษัท เล็กๆที่ตัวเองเป็นเจ้าของอยู่บวกกับใช้แต้มสะสมที่มีอยู่มาเป็นส่วนจ่าย กว่าหกสิบเปอร์เซ็นต์ ฉันเลือกที่นี่เพราะอยู่กลางเมืองสะดวกสำหรับงานที่มาติดต่อและเดินเที่ยวใน ช่วงเวลาที่เหลือ จากสภาพอากาศขณะนี้ฉันตัดสินใจที่จะไม่ออกไปเดินเล่นรอเวลาขึ้นเครื่อง เหมือนที่คิดเอาไว้แต่แรก ละอองฝนเย็นๆบรรยากาศมัวๆมันไม่ใช่สิ่งที่ฉันโปรดปรานนัก
ฉันหยิบไอแพดขึ้นมาคิดว่าจะร่างงานที่ต้องสะสางในวันรุ่งขึ้นที่ไทยแต่ฉันก็ ขี้เกียจเกินกว่าจะทำงานใดๆได้ นึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่ ไออุ่นของคนตัวใหญ่ยังกรุ่นๆอยู่แนบกายฉัน ในอุ้งจมูกยังได้กลิ่นของดอกลาเวนเดอร์ในสวนหลังบ้านเขา หูยังได้ยินเสียงแว่วๆถึงบทลาจาก "ผมคงคิดถึงคุณมากถ้าคุณกลับไป" ฉันเกลียดการลาจาก ฉันเกลียดการพิรี้พิไรที่สนามบิน ฉันไม่ใช่ฮีโร่ในเรื่องของการควบคุมความรู้สึก ฉันดีใจที่เขาก็รู้สึกเช่นเดียวกับฉัน "หมอคนใหม่ขอร้องให้ผมช่วยหาที่พักให้ อพาร์ทเมนต์ที่ไปติดต่อไว้เขานัดดูห้องในวันเดียวกับที่คุณบินกลับ ผมส่งคุณที่สนามบินเสร็จผมจะไปรับหมอริตาและเลยไปดูกัน" ฉันปฏิเสธข้อเสนอและขอให้เขาตรงไปรับหมอริตาส่วนฉันสะดวกมากกว่าที่จะเรียก แท็กซี่และจากลาไปอย่างเงียบๆเพียงลำพัง ย้อนนึกไปถึงความสัมพันธ์ของฉันกับเขาอีกครั้ง ความรู้สึกที่ลึกซึ้งเหนียวแน่นแต่ก็แฝงไปด้วยเส้นใยอันเปราะบางที่เสมือน กับพร้อมจะขาดสะบั้นได้ในทุกๆวินาทีและก็พร้อมที่จะกลับมาหล่อหลอมเป็นเนื้อ เดียวกันอีกในเวลาชั่วพริบตา ภาพของคนตัวโตเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับกล่องสีขาวใบใหญ่ในมือเมื่อหลายวัน ก่อน รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าพร้อมกับดวงตาพราวระยับเหมือนกับมีดาวนับร้อยดวงกำลัง เต้นระบำอยู่ในนั้น "Happy birthday" เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นกล่องใบนั้นมาให้ฉัน กล่องที่ประทับตราร้านเบเกอร์รี่ชื่อดังในเมืองนี้ ฉันพูดขอบคุณเขาเบาๆและบรรจงวางกล่องลงบนโต๊ะ แกะฝาด้านบนกล่องออกช้าๆเผยให้เห็นเนื้อใน เค้กช้อคโกแลตก้อนโตมีดอกไม้สดแสนสวยวางประดับอยู่บนหน้าเป็นดอกไม้ที่ฉัน เคยพูดไว้คราวที่เราเดินเล่นด้วยกันกลางทุ่งหญ้าที่ไหนซักแห่งว่ามันเหมาะสม จะอยู่บนเค้กช้อกโกแลตมากกว่าอยู่กลางทุ่งหญ้าแห่งนั้น ฉันอดตื้นตันในความใส่ใจของเขาไม่ได้ซึ่งแม้แต่ตัวฉันเองบางครั้งก็ลืมแม้ กระทั่งวันเกิดตัวเองหรือไม่ก็พยายามเลี่ยงไม่ใส่ใจ
นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเตือนเวลาที่รถจะมารับไปสนาม บิน ฉันตรวจเช็คดูข้าวของอีกครั้งก่อนจะเปิดประตูส่งกระเป๋าให้พนักงานที่ยืนรอ อยู่แล้วนำกระเป๋าลงไปชั้นล่างและจัดเก็บให้เรียบร้อยในรถแท็กซี่คันที่รอ อยู่ ใช้เวลาอีกไม่กี่นาทีสำหรับการเช็คเอาท์ทุกอย่างก็เสร็จสิ้น รถเคลื่อนออกไปช้าๆฉันทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง บรรยากาศมัวๆ ฝนปรอยๆ กลิ่นลาเวนเดอร์กรุ่นๆ และ เขา....
เสื้อตัวสุดท้ายถูกเก็บใส่กระเป๋าเดินทางสีดำใบย่อมและหลังจากตรวจสอบจน แน่ใจว่าไม่ได้หลงลืมอะไรไว้ข้างหลังแล้วฉันก็รูดซิบกระเป๋าและลากไปพิงไว้ มุมห้องด้านหนึ่ง อีกหลายชั่วโมงกว่ารถแทกซี่ที่นัดไว้จะมารับฉันไปส่งยังสนามบิน ละอองฝนบางๆปลิวมากระทบหน้าต่างทำให้ทิวทัศน์ข้างนอกดูบิดเบี้ยวตามการหักเห ของแสง วันสีเทาของนอร์ทเวสท์ได้เริ่มขึ้นแล้วตั้งแต่สองคืนก่อนนับจากนี้จนถึง เดือนมีนาคมก็จะมีแต่ฝนและท้องฟ้าสีเทา ฉันทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้บุสีเข้มตัวหนานุ่มที่ทางโรงแรมได้จัดวางไว้ในมุม ที่แสงจากธรรมชาติสามารถสาดเข้ามาได้มากที่สุด โรงแรมที่พักเป็นโรงแรมขนาดใหญ่อยู่ในกลุ่มของสตาร์วูดที่มีโรงแรมชื่อดัง หลายๆโรงแรมร่วมในเครือและมีสาขาอยู่ทั่วโลก ค่าห้องพักสูงลิบหากต้องจ่ายด้วยเงินแต่ลูกค้าส่วนมากก็จะเป็นเมมเบอร์และ ใช้วิธีการสะสมแต้มและเดินทางในรูปแบบของตัวแทนบริษัท เช่นเดียวกับฉันที่เป็นเมมเบอร์มานับสิบปีและจองห้องด้วยการใช้ชื่อบริษัท เล็กๆที่ตัวเองเป็นเจ้าของอยู่บวกกับใช้แต้มสะสมที่มีอยู่มาเป็นส่วนจ่าย กว่าหกสิบเปอร์เซ็นต์ ฉันเลือกที่นี่เพราะอยู่กลางเมืองสะดวกสำหรับงานที่มาติดต่อและเดินเที่ยวใน ช่วงเวลาที่เหลือ จากสภาพอากาศขณะนี้ฉันตัดสินใจที่จะไม่ออกไปเดินเล่นรอเวลาขึ้นเครื่อง เหมือนที่คิดเอาไว้แต่แรก ละอองฝนเย็นๆบรรยากาศมัวๆมันไม่ใช่สิ่งที่ฉันโปรดปรานนัก
ฉันหยิบไอแพดขึ้นมาคิดว่าจะร่างงานที่ต้องสะสางในวันรุ่งขึ้นที่ไทยแต่ฉันก็ ขี้เกียจเกินกว่าจะทำงานใดๆได้ นึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่ ไออุ่นของคนตัวใหญ่ยังกรุ่นๆอยู่แนบกายฉัน ในอุ้งจมูกยังได้กลิ่นของดอกลาเวนเดอร์ในสวนหลังบ้านเขา หูยังได้ยินเสียงแว่วๆถึงบทลาจาก "ผมคงคิดถึงคุณมากถ้าคุณกลับไป" ฉันเกลียดการลาจาก ฉันเกลียดการพิรี้พิไรที่สนามบิน ฉันไม่ใช่ฮีโร่ในเรื่องของการควบคุมความรู้สึก ฉันดีใจที่เขาก็รู้สึกเช่นเดียวกับฉัน "หมอคนใหม่ขอร้องให้ผมช่วยหาที่พักให้ อพาร์ทเมนต์ที่ไปติดต่อไว้เขานัดดูห้องในวันเดียวกับที่คุณบินกลับ ผมส่งคุณที่สนามบินเสร็จผมจะไปรับหมอริตาและเลยไปดูกัน" ฉันปฏิเสธข้อเสนอและขอให้เขาตรงไปรับหมอริตาส่วนฉันสะดวกมากกว่าที่จะเรียก แท็กซี่และจากลาไปอย่างเงียบๆเพียงลำพัง ย้อนนึกไปถึงความสัมพันธ์ของฉันกับเขาอีกครั้ง ความรู้สึกที่ลึกซึ้งเหนียวแน่นแต่ก็แฝงไปด้วยเส้นใยอันเปราะบางที่เสมือน กับพร้อมจะขาดสะบั้นได้ในทุกๆวินาทีและก็พร้อมที่จะกลับมาหล่อหลอมเป็นเนื้อ เดียวกันอีกในเวลาชั่วพริบตา ภาพของคนตัวโตเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับกล่องสีขาวใบใหญ่ในมือเมื่อหลายวัน ก่อน รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าพร้อมกับดวงตาพราวระยับเหมือนกับมีดาวนับร้อยดวงกำลัง เต้นระบำอยู่ในนั้น "Happy birthday" เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นกล่องใบนั้นมาให้ฉัน กล่องที่ประทับตราร้านเบเกอร์รี่ชื่อดังในเมืองนี้ ฉันพูดขอบคุณเขาเบาๆและบรรจงวางกล่องลงบนโต๊ะ แกะฝาด้านบนกล่องออกช้าๆเผยให้เห็นเนื้อใน เค้กช้อคโกแลตก้อนโตมีดอกไม้สดแสนสวยวางประดับอยู่บนหน้าเป็นดอกไม้ที่ฉัน เคยพูดไว้คราวที่เราเดินเล่นด้วยกันกลางทุ่งหญ้าที่ไหนซักแห่งว่ามันเหมาะสม จะอยู่บนเค้กช้อกโกแลตมากกว่าอยู่กลางทุ่งหญ้าแห่งนั้น ฉันอดตื้นตันในความใส่ใจของเขาไม่ได้ซึ่งแม้แต่ตัวฉันเองบางครั้งก็ลืมแม้ กระทั่งวันเกิดตัวเองหรือไม่ก็พยายามเลี่ยงไม่ใส่ใจ
นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเตือนเวลาที่รถจะมารับไปสนาม บิน ฉันตรวจเช็คดูข้าวของอีกครั้งก่อนจะเปิดประตูส่งกระเป๋าให้พนักงานที่ยืนรอ อยู่แล้วนำกระเป๋าลงไปชั้นล่างและจัดเก็บให้เรียบร้อยในรถแท็กซี่คันที่รอ อยู่ ใช้เวลาอีกไม่กี่นาทีสำหรับการเช็คเอาท์ทุกอย่างก็เสร็จสิ้น รถเคลื่อนออกไปช้าๆฉันทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง บรรยากาศมัวๆ ฝนปรอยๆ กลิ่นลาเวนเดอร์กรุ่นๆ และ เขา....
Subscribe to:
Posts (Atom)