Thursday, October 9, 2014

บทที่เก้า


   สี่วันในฮานอยของฉันหมดไปกับการนอนวันละไม่ตำ่กว่าสิบสี่ชั่วโมง ดูเหมือนว่าร่างกายฉันกำลังเรียกร้องให้ทดแทนหลังจากที่นานนับเดือนฉันนอนหลับๆตื่นๆและทุกครั้งที่เหมือนจะเคลิ้มหลับลงก็เต็มไปด้วยฝันร้ายจนไรผมและหลังเปียกโชกทุกคืน เมื่อร่างกายเรียกร้องหาอาหารฉันก็เดินออกมาจากที่พักไปแค่ไม่กี่ก้าวเพื่อกินเฝอหนึ่งถ้วยจากนั้นก็ข้ามถนนไปนั่งดื่มที่คาเฟ่เล็กๆหัวมุมถนน ฉันเลือกที่จะนั่งข้างนอกถึงแม้อากาศจะหนาวเย็นและเต็มไปด้วยควันบุหรี่จากโต๊ะข้างเคียง เสื้อแขนยาวตัวหนานุ่มที่ฉันสวมใส่บวกกับผ้าพันคอผืนโตและฤทธิ์เดชของชานำ้ผึ้งมะนาวแก้วโตควันกรุ่นทำให้ร่างกายและจิตใจฉันรู้สึกอบอุ่นและสงบ ผู้คนที่สัญจรบนถนนส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว เสียงแตรรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ดังอยู่ไม่ขาดสาย แม่ค้าหลายคนหาบสินค้าเดินขวักไขว่ไปมา ดอกไม้สีสวยๆแปลกตา ส้อโอมือรูปร่างหงิงงอน่าพิสวง ขนมกรุบกรอบเครือบนำ้ตาลขึ้นเงาแลดูน่ากิน หลายๆคนหาบแห้วดิบที่มีทั้งแบบปอกเปลือกและไม่ปอกเปลือก ฉันอุดหนุนแห้วจากแม่ค้าคนหนึ่งสองสามครั้ง ทุกครั้งที่เธอเห็นฉันเธอจะรี่เข้ามาหาพร้อมกับยื่นแห้วที่ปอกแล้วสองสามลูกให้ รอยยิ้มกว้างดูจริงใจของเธอทำให้ฉันอดจะซื้อสินค้าของเธอไม่ได้ หนุ่มน้อยพนักงานคาเฟ่เอื้อมมือมาหยิบถ้วยชาที่ว่างเปล่าของฉันกลับไปหลังเคาท์เตอร์และกลับมาใหม่พร้อมกับชาถ้วยใหม่ ฉันเงยหน้าขึ้นมองเพราะไม่ได้สั่งถ้วยใหม่ หนุ่มน้อยพยักหน้าไปยังมุมหนึ่งของคาเฟ่ให้ฉันมองตาม ชายร่างสูงผิวขาวจัดแต่งกายในชุดทำงานเรียบร้อยพร้อมสูทรสีเข้มยกแก้วเบียร์ชูขึ้นมองตรงสบตาฉัน ฉันยกถ้วยชาขึ้นพร้อมกับทำปากขมุบขมิบขอบคุณ หมดชาถ้วยที่สองฉันเรียกพนักงานมาคิดเงินพร้อมทั้งจ่ายเพิ่มเป็นค่าเบียร์ตอบแทนให้เจ้าของชาถ้วยที่สอง ฉันลุกขึ้นยืนสะพายกล้องแนบลำตัวและเดินออกจากคาเฟ่โดยไม่หันกลับมามองข้างหลัง ฉันยังไม่อยากพูดคุยสนทนากับใครทั้งนั้น ฉันแค่อยากอยู่กับตัวฉันเอง

   ตอนเย็นวันที่สี่ฉันตัดสินใจเก็บสัมภาระเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมพร้อมทั้งจองตั๋วรถไฟรอบสามทุ่มไปซาปาเมืองที่ฉันรักอีกหนึ่งเมือง ซาปาเมืองแห่งหุบเขาและบ้านของม้งดำ เมืองที่ฉันเคยกินนอนอยู่นับเดือนตอนที่มาถ่ายรูปและเก็บข้อมูลกับนิตยสารท่องเที่ยวชื่อดังของยุโรปหลายๆปีก่อน  เมืองที่ฉันและตากล้องมือโปรคนหนึ่งได้นั่งคุยกันข้างเตาผิงกับไวน์แดงรสดีว่าเราเกิดมาเพื่อกันและกันแต่ท้ายสุดเราก็แค่เกิดมาเพื่อกันและกันเพียงช่วงเวลาสั้นๆ.... รถไฟเคลื่อนที่ออกจากฮานอยช้าๆ ผ่านตึกเล็กๆแคบๆแต่สูงเสียดที่เรียงเป็นแถวยาวและทิ้งช่วงเป็นบ้านเดี่ยวจนท้ายสุดเหลือแค่ทุ่งนากว้างสุดตา แสงสว่างจากดวงไฟข้างทางลดน้อยไปเรื่อยๆจนในที่สุดความมืดก็เข้ามาแทนที่ ฉันนอนขดตัวอยู่บนเตียงนอนรถไฟชั้นบน เสียงรถไฟดังเป็นจังหวะเข้าหูฉันเหมือนกับพยายามขับกล่อมฉันให้หลับไหลไปกับคำ่คืนอันมืดมิด ฉันผ่อนหายไจยาวๆหลับตาลงและจมดิ่งลงไปในห้วงแห่งนิทรา


   เสียงเคาะประตูเคบินปลุกให้ฉันตื่นขึ้นมา กดดูเวลาจากโทรศัพท์มือถือบอกว่าเป็นเวลาตีห้า รถไฟคงไกล้จะถึงลาวไกเมืองที่ฉันต้องลงและต่อรถไปยังซาปาแล้ว ฉันขี้เกียจเกินกว่าจะไปล้างหน้าแปรงฟันทำธุระส่วนตัวในห้องนำ้รถไฟแคบๆเหม็นๆจึงได้แต่นั่งรอจนรถไฟหยุดลงช้าๆที่สถานีลาวไก ใช้เวลาไม่กี่นาทีฉันก็พาตัวเองมานั่งบนรถตู้คันเล็กที่พาฉันลัดเลาะไปตามถนนแคบๆขึ้นเขาลงเขาร่วมครึ่งชั่วโมงและสุดท้ายฉันก็มายืนอยู่หน้าโบสถ์เล็กๆกลางเมืองซาปา หญิงชาวม้งดำในชุดประจำเผ่าเดินขวักไขว่ไปมาบนถนน บนหลังของพวกเขามีเด็กทารกตัวน้อยนอนขดตัวอยู่ในผ้าคาดสีดำดูน่ารักน่าทนุถนอมเหมือนดักแด้ตัวโต แสงแดดอ่อนๆยามเช้าอบอุ่นนักจนฉันอดไม่ได้ที่จะนั่งลงบนม้านั่งตัวเล็กหลับตาลงปล่อยให้ไอแดดโลมเลียร่างกายพร้อมกับปล่อยใจให้ว่างเปล่า 


  สามวันเต็มๆในซาปาฉันใช้เวลาไปกับการถ่ายภาพผู้คน และทิวทัศน์ของนาขั้นบันไดที่กำลังเขียวขจี ฉันเก็บภาพสาวม้งดำที่กำลังหัวเราะเต็มที่โชว์ฟันทองสองมุมปาก ภาพเด็กตัวเล็กๆแบกตะกร้าใบจิ๋วบรรจุฟืนเดินขึ้นลงเขาเหมือนกับตะกร้านั้นไร้ซึ่งนำ้หนัก ภาพของสองพ่อลูกที่ช่วยกันจับลูกเป็ดสีเหลืองนวลลงตะกร้าไม้ไผ่สาน ฉันใช้เวลาอีกหลายๆชั่วโมงต่อวันในการเดินจากหมู่บ้านหนึ่งไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่งผ่านกระท่อมหลังโย้ที่มีควันไฟลอดออกมาจากหลังคา ผ่านแม่นำ้สายเล็กๆที่คดเคี้ยว ผ่านทุ่งนา ผ่านกลุ่มเด็กๆที่โบกมือทักทาย ตอนคำ่ฉันกลับเข้าที่พักและหมกตัวอยู่ข้างเตาผิงเช็ครูปที่ฉันบันทึกลงในกล้อง จนดึกดื่นค่อนคืนและหลับไหลไปกับแก้วไวน์ในมือ ตื่นมาอีกวันฉันก็ทำเหมือนเดิม ออกเดินสำรวจตามหมู่บ้านมองหาจุดสวยๆสำหรับถ่ายรูป ซื้อขนมติดมือไปฝากเด็กๆตามรายทาง นั่งดื่มชาและมองผู้คนเดินผ่านไปมา บางครั้งฉันยังเห็นเขา ผู้ชายตัวโตคนที่ฉันผูกพันธ์ คนที่คอยดูแลฉันมานานปี คนที่เคยชงกาแฟถ้วยโตให้ฉันในตอนเช้าเดินปะปนกับผู้ที่นี่ บางครั้งฉันยังสัมผัสได้ถึงไออุ่นของเขาข้างๆกายฉัน และบางครั้งฉันก็ยังแอบคิดถึงเขา



No comments:

Post a Comment