Sunday, October 12, 2014
บทที่สิบสอง
ฉันสะบัดปลายพู่กันให้สะเด็ดนำ้แล้วแต้มลงบนสีม่วงเข้มในจานสีปาดปลายพู่กันให้แบนเรียบกับขอบจานและบรรจงลากเป็นลายเส้นยาวพาดผ่านสีดำสนิทที่ลงเป็นพื้นหลังบนผ้าใบผืนใหญ่ แสงแดดยามบ่ายส่องทะลุผ่านต้นลีลาวดีใบดกที่แซมไปด้วยดอกสีเหลืองนวลพราวพร่างตกกระทบกับผืนผ้าใบและโต๊ะไม้สักตัวเก่าหน้ากระท่อมที่ฉันใช้เป็นสถานที่เขียนภาพ ลมอ่อนๆพัดผ่านมาทำให้ปอยผมฉันปลิวไหวๆกระทบใบหน้า นึกขึ้นได้ว่าคงต้องหาเวลาไปตัดเล็มผมที่ยาวจนเกือบจรดเอว ฉันไม่ใช่คนที่ขยันสระผมนักบางครั้งฉันสามารถอยู่กับมันได้เกือบอาทิตย์โดยไม่ได้ทำความสะอาดหรือดูแลแต่อย่างไร ครั้งหนึ่งในอดีตระหว่างที่เขากำลังบรรจงเป่าผมให้ฉันเขาเคยถามฉันว่า "คุณจะอยู่ได้ยังไง ถ้าไม่มีผมคอยเป่าผมให้คุณหลังจากคุณสระผมเสร็จ" ฉันหัวเราะขำๆใส่เขาพร้อมกับตอบเขาไปว่าฉันก็ไปใช้บริการร้านทำผม ซึ่งปกติฉันก็ทำแบบนั้นอยู่แล้ว ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรที่จะต้องจ่ายค่าบริการทำผม แต่ฉันรู้สึกใจหายที่จะไม่มีเขาคอยเป่าผมให้ฉันอีก... ตลอดไป
ฉันเลือกที่จะเขียนภาพแนวแอพสแทรคเพื่อบันทึกเป็นความทรงจำระหว่างความสัมพันธ์ของฉันกับเขา แอพสแทรคที่เต็มไปด้วยสีโทนเข้ม เส้นสายที่ตัดพาดกันดูแข็งแรงและชัดเจนบ่งบอกถึงความเป็นตัวฉันและความเป็นตัวเขา นอกจากเส้นสีจากปลายพู่กันอีกส่วนหนึ่งฉันใช้เกรียงปาดสีมืดจัดตวัดเป็นวงกลมสองวงทับเส้นสายที่ลงไว้แล้ว วงกลมคือความเหมือนระหว่างฉันกับเขาแต่เป็นสองวงกลมที่แยกจากกัน ฉันจุ่มพู่กันลงในถังนำ้หลังจากลงวันที่กำกับไว้ใต้ภาพพร้อมกับเพ่งมองภาพเขียน มันจะถูกนำไปแขวนไว้ในที่ๆฉันจะได้เห็นทุกวัน มันจะเป็นสัญลักษณ์แห่งความล้มเหลวของความเชื่อใจ มันจะคอยเตือนสติฉันในยามที่ฉันอ่อนไหว
เสร็จจากภาพเขียนฉันยังนั่งอยู่ที่เดิมพร้อมกับนำ้โซดาลอยมะนาวซีกเแก้วใหญ่ หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดเพลงของแจ็ค จอห์นสัน แนวเพลงฟังเล่นๆสบายๆ ฉันรู้สึกว่าจิตใจฉันสงบและเป็นสุขหลังจากที่ฉันได้ทำในสิ่งที่ฉันตั้งใจไว้
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment