September 11 : Day 6 Bhaktapur
สียงกุกกักริมหน้าต่างห้องชั้นสามปลุกให้ฉันตื่นแต่เช้า
ลุกขึ้นไปเลื่อนผ้าม่านออก
นกพิราบคู่ต้นตอของเสียงบินจากขอบระเบียงด้วยความตกใจ
แดดอุ่นๆสาดเข้ามาในห้องพาดผ่านแขนสีเข้มที่มีรอยขาวจากส่วนที่สายนาฬิกาทับไว้
ฉันนั่งลงบนขอบเตียงหมุนดัดตัวไปมาสี่ห้าครั้ง
แล้วลุกขึ้นยืนทำโยคะแบบง่ายๆก่อนจะไปเข้าห้องน้ำ
แต่งตัวเสร็จกก็คว้ากล้องถ่ายรูปลงไปชั้นล่าง เดินช้าๆมุ่งหน้าไปยัง
Taumadhi Square เช้าตรู่แบบนี้ยังไม่ค่อยมีผู้คนมากนัก
จะมีก็แต่คนสูงวัยที่นำดอกไม้มาบูชาตามวัดเล็กๆริมทาง
ภาพคุ้นตาแบบนี้ทำให้ฉันนึกถึงบาหลีเพราะเป็นศาสนาเดียวกันกับที่นี่
ผู้คนก็แต่งกายคล้ายกันและมีดอกไม้ทัดหูเหมือนๆกัน
วัดของพวกเขารวมไปถึงสิ่งก่อสร้างเล็กๆที่อยู่ตามมุมถนน
มีเชิงเทียนทำจากเหล็กเป็นแถวยาว จุดธูป วางดอกไม้
ไหว้เสร็จก็ใช้นิ้วแตะผงสีแดงที่เรียกกันว่าซินดูร์หรือบินดิเจิมตรงหน้าผากของตัวเอง
ฉันนั่งศึกษาเรื่องนี้อยู่พักใหญ่จึงได้ความว่าแต่ละแห่งการเจิมซินดูร์จะไม่เหมือนกัน
บ้างก็เจิมเฉพาะหญิงที่แต่งงานแล้ว บ้างก็เจิมได้ทุกเพศทุกวัย
บ้างก็เจิมได้เฉพาะนักบวช
แต่ที่นี่ถือเป็นหลักว่าการบูชาจะไม่สมบูรณ์หากผู้ที่ทำการบูชาไม่ได้เจิมซินดูร์
ถึงฉันจะไม่ได้นับถือศาสนาเดียวกับพวกเขาแต่ฉันก็ยกมือไหว้เมื่อเดินผ่านวัดเหล่านั้นเสมอ
บางครั้งจะมีนักบวชเดินมาหาและเจิมหน้าผากให้
เงินในจำนวนที่ฉันพอจะแบ่งทำบุญกับเขาได้จะถูกหย่อนลงในภาชนะที่นักบวชถือมา
Taumadhi Square ยามเช้ามีตลาดเล็กๆกระจายอยู่รอบบริเวณ
กระสอบเก่าๆถูกนำมาปูข้างถนนหรือไม่ก็ตามขอบแนวกำแพงที่ทรุดลงจากเหตุแผ่นดินไหว
แตงกวา ฝักกระเจี๊ยบ มะระขี้นก หัวผักกาด ผักกาด
และผักอีกไม่กี่ชนิดถูกนำมาวาง กล้วยขายเป็นกองกองละสี่ห้าลูก
พริกเม็ดกลมๆสีเขียวแดงดูน่ารัก
พ่อค้าแม่ขายแต่ละคนไม่ได้มีสินค้ามาขายมากมาย แต่ละคนก็ขายกันคนละอย่าง
คนหนึ่งขายกระเจี๊ยบห้ากอง อีกคนขายแตงกวาสามกอง
มันเป็นธุรกิจที่ฉันคิดว่ายุติธรรมมาก
แอบนึกไปถึงหลายปีก่อนที่ตลาดปาปัวนิวกินี
มีพ่อค้าแม่ค้าหลายเจ้าขายบริการไฟแช็ก
ไฟแช็กธรรมดาๆหนึ่งอันมัดเชือกผูกติดกับหลักไม้
ใครอยากจุดอยากเผาอะไรก็มาจ่ายเงินแล้วจุดใช้
มันน่าทึ่งตรงที่ว่าเขาไม่ได้ขายอะไรพ่วงไปด้วย ร้านของเขาคือพื้นหญ้า
หลักไม้ และไฟแช็ก
สายๆฉันกลับเข้ามาที่พัก
โต๊ะอาหารโต๊ะใหญ่มีแต่ฉันกับหนึ่งสาวจากอังกฤษและอีกหนึ่งสาวจากเปรู
อาหารเช้าฝีมือเด็กหนุ่มพนักงานสารพัดตำแหน่งอร่อยใช้ได้
เขาปิ้งขนมปังด้วยกระทะร้อนๆ เสริฟพร้อมกับมะเขือเทศย่าง
แฮชบราวน์เนยและแยม กาแฟใส่นมหอมจนฉันอดใจไม่ไหว
นั่งคุยกับสาวๆได้ความว่าเป็นกลุ่มอาสาสมัครจากกาฐมัณฑุมาเที่ยวที่นี่สองสามวัน
เราคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการกันอยู่ค่อนชั่วโมงก่อนจะแยกย้ายกันไป
เสร็จจากอาหารเช้าฉันใช้เวลาเวลาไปกับออกเดินสำรวจเมืองฝั่งเหนือจนถึงบ่ายแดดจัดก็แวะกินโยเกิร์ตใส่ถ้วยดินเผาที่โปรดปรานเสร็จก็กลับเข้ามาพักผ่อน
สีโมงเย็นแดดอ่อนลงฉันออกเดินอีกรอบทางฝั่งใต้
เดินลึกเข้าไปตามตรอกซอกซอยเล็กๆเห็นการก่อสร้างยังมีอยู่ทุกจุดของเมือง
ถุงบรรจุทรายหนักอึ้งถูกแบกไว้บนหลังพร้อมกับสายที่รัดไว้กับหน้าผาก
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่พวกเขาขนมันขึ้นไป ชั้นที่สอง ชั้นที่สาม ชั้นที่สี่
ชั้นที่ห้า
ผู้หญิงนั่งอยู่กันเป็นกลุ่มๆบรรจงขัดก้อนอิฐดินเผาที่พังทลายลงมาก้อนแล้วก้อนเล่าเพราะเหตุแผ่นดินไหวสองปีก่อน
เขาจะขัดทำความสะอาดก้อนอิฐพวกนี้และจะทำให้มันเป็น "บ้าน"
อีกครั้งด้วยแววตามุ่งมั่น ฉันเดินผ่านซากปรักหักพังเหล่านั้นไปเรื่อยๆ
มองออกไปเห็นทุกสิ่งก่อสร้างบนหลืบเขาแห่งนี้ที่พังทลายด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยว
อยากจะปลอบโยนพวกเขา บอกพวกเขาว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะดีขึ้นพร้อมกับกาลเวลา
แต่คำเดียวที่ฉันสื่อสารกับพวกเขาได้ก็คือ นามัสเต และใจที่รื้อไปด้วยน้ำตา
ฉันบอกลาพระอาทิตย์กับอาหารเย็นบนดาดฟ้าของชาวธิเบต
ร้านอาหารเล็กๆแอบอยู่ในซอกลึกลับที่ด้วยฉันเหลือบเห็นด้วยความบังเอิญและมันก็เป็นความบังเอิญที่ดีมาก
ถึงแม่ว่าจะต้องพาตัวเองขึ้นมาสูงลิบกับบันไดที่แสนชันจนต้องหยุดหอบหลายครั้งคราแต่วิวที่เห็นมันก็ทำให้หายเหนื่อย
ลมเย็นๆกระทบหน้า
ภาพของหุบเขาสลับซับซ้อนที่ปรากฏอยู่รอบตัวสามร้อยหกสิบองศา
เด็กชายชาวธิเบตนำอาหารมาเสริฟพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร
มีน้องสาวตัวเล็กๆของเขาแอบมองมาจากด้านหลัง Momo Daal และTarkari
ของพวกเขาไม่ได้อยู่ในภาชนะสวยงามเหมือนที่ฉันกินที่ร้านใหญ่โตวันก่อน
โต๊ะกินข้าวที่นี่ก็เป็นโต๊ะพลาสติกธรรมดา
น้ำก็ยกมาให้ทั้งขวดไม่มีแก้วใส่ให้ แต่อาหารของพวกเขาอร่อยมากมาย
แกงถั่วข้นคลั่กมันเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดสำหรับฉันเพราะเป็นแหล่งโปรตีนแทนจากเนื้อ
ผัดมันฝรั่งกับผักอีกสองสามอย่างใส่เครื่องเทศหอมพอได้กลิ่น
ข้าวเมล็ดป้อมๆนุ่มละมุนในปาก
เมืองเล็กๆท่ามกลางหุบเขา
เมืองที่เกือบจะล่มสลายด้วยภัยธรรมชาติ เมืองที่มีอะไรๆน่าสนใจเยอะแยะ
เมืองที่มีรสชาติเหมือนลูกหว้าสุกจัด และจะเป็นอีกหนึ่งเมืองที่ฉันจะไม่ลืม
Bhaktapur