Tuesday, September 26, 2017

Nepal September 2017 : Day 13

   

      September 18th Day 13 Pokhara - Katmandu


    ฉันเดินลัดเลาะถนนเลียบทะเลสาบPhewaช้าๆ เสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวถูกบรรจุไว้ในเป้บนหลังอีกครั้ง อากาศยามสายเย็นสบายเพราะฝนตกคืนเมื่อคืน เทือกเขาAnnapurnaปรากฎให้เห็นชัดเจนกว่าวันไหนๆเพราะท้องฟ้าไร้เมฆหมอกบดบัง คนขับรถแท็กซี่กวักมือเรียกฉันเป็นระยะๆ ฉันสอบถามราคาค่าโดยสารไปสนามบินไปเรื่อยๆจนได้ราคาที่พอใจ การต่อราคาเป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีวิตที่นี่ เกือบทุกอย่างที่เกี่ยวกับการซื้อขายต้องมีการเล่นเกมส์ต่อราคาก่อน ต่อราคารถแท็กซี่ ต่อราคาสปา ต่อราคาห้องพัก ต่อราคาซื้อเสื้อยืด ฉันใช้เวลาอยู่นานโขกว่าจะเรียนรู้เทคนิคและใช้มันเป็น


     เวลาไม่ถึงสิบนาทีฉันก็มายืนอยู่สนามบินPokhara สนามบินเล็กๆที่อยู่ตรงกลางระหว่างภูเขาและหุบเหว ฉันเดินเข้าไปในอาคารสนามบินแล้วเดินตรงไปเค้าเตอร์ Yeti Air พนักงานยกมือทำท่าเหมือนกับไหว้แล้วทักทายนามัสเต ฉันรู้สึกผิดหวังเมื่อนางยื่นบอร์ดดิ้งพาสให้แล้วบอกว่าได้เปลี่ยนเที่ยวบินฉันให้เร็วขึ้นเป็นเที่ยวบินที่จะออกอีกสิบนาที แต่ฉันวางแผนไว้ว่ามาถึงสนามบินก่อนเวลาหนึ่งชั่วโมงเพราะอยากจะขึ้นไปบนดาดฟ้าแล้วถ่ายรูป แอบบ่นกับตัวเองขำๆว่า "ถามละยัง ว่าอยากจะเปลี่ยนเที่ยวบินมั้ย" ถึงเวลาขึ้นเครื่องก็แค่เดินออกจากประตูแล้วเดินไปตามทางเล็กๆตรงไปแล้วเลี้ยวออกไปลานบิน เครื่องบินเจ็ทสตรีมสี่สิบเอ็ดรอฉันอยู่ข้างหน้า รูปร่างเหมือนนกตัวผอมๆปีกสั้น ปีนบันไดเครื่องขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ริมหน้าต่าง มีผู้โดยสารไม่กี่คนในเที่ยวบินนี้จนทำให้ฉันแอบมโนว่าเป็นเครื่องบินส่วนตัว นานกี่ปีแล้วที่ไม่ได้นั่งเครื่องเจ็ดสตรีมสี่สิบเอ็ดที่จำได้ครั้งสุดท้ายน่าจะเป็นที่ปาปัวนิวกินีหลายปีก่อน เครื่องบินเล็กขนาดสามสิบที่นั่งส่งเสียงดังตอนนำเครื่องขึ้น ระยะวิ่งแท็กซี่ก็สั้นกว่าเครื่องลำใหญ่ กัปตันนำเครื่องขึ้นฉิวรวดเร็วน่าตื่นเต้น แอร์โฮสเตสคนเดียวเดินแจกลูกอม ถั่วทอด และน้ำดื่ม เครื่องเล็กบินไม่สูงทำให้มองเห็นข้างล่างชัดเจน ถนนคดเคี้ยว ภูเขา แม่น้ำ มองดูเหมือนภาพวาดสวยๆ จำได้ว่าหลายปีก่อนเคยบินกับกานต์แอร์จากเชียงใหม่มาเชียงรายก็ได้เห็นภาพสวยๆแบบนี้ ระยะเวลาบินแค่ยี่สิบห้านาทีเครื่องก็ลงจอดที่สนามบินKatmandu คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายไปเพราะไม่ต้องทนอยู่รถบัสสายวิบากถึงเก้าชั่วโมง มันน่าทึ่งนักที่เงินสามารถทำให้อะไรๆง่ายขึ้นได้มากขนาดนี้


    ไม่ถึงบ่ายสองฉันก็พาตัวเองกลับมาThamelอีกครั้ง ต้องขอบคุณสายฝนเมื่อคืนที่ทำให้Katmanduสดชื่นขื้น พื้นถนนอุ้มความชื้นไว้ทำให้ฝุ่นคลุ้งที่ต้องผจญสัปดาห์ที่แล้วหายตัวไปอย่างน่าอัศจรรย์ มือที่กำลังจะล้วงกระเป๋าหยิบหน้ากากอนามัยออกมาใส่ต้องชะงัก เดินลัดเลาะเข้าออกซอกซอยจนทะลุไปถึงที่พักที่จองไว้ทางโทรศัพท์เมื่อวาน ทางเข้าที่พักเป็นซอยเล็กๆกว้างหนึ่งเมตรคูณสองเมตรแต่ข้างในกลับดูกว้างขวางใช้ได้ ฉันรู้สึกพอใจห้องเล็กๆบนชั้นสี่ถึงแม้ว่าจะอยู่ในย่านที่พลุกพล่านที่สุดแต่ผนังห้องก็หนาพอที่จะไม่ให้เสียงเล็ดลอดเข้ามามากนัก ภายในห้องสะดวกสบายและราคาก็ไม่สูงเกินไป เก็บข้าวของเสร็จแล้วก็เดินกลับไปโรงแรมที่เคยพักสัปดาห์ที่แล้วเพื่อไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้พร้อมกับขอโทษพวกเขาที่ต้องยกเลิกการจองห้องในวันที่ยี่สิบเอ็ด ราคาห้องที่นั่นสูงเกินไปสำหรับฉัน โรงแรมสี่ห้าดาวฉันไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้วทริปนี้เพราะฉันอายุสี่สิบสี่ปีแล้ว!


    แวะทักทายหนุ่มร้านกระเป๋าที่ซื้อกระเป๋าใบเล็กไว้ใส่เงินรูปีในวันแรกที่มาถึง แวะไปร้านโมโม่ร้านแรกที่ได้ลิ้มรส Thamelกับฉันเราเป็นเพื่อนกันแล้ว ซอกซอยเล็กๆเหมือนโพรงมดกลายเป็นสถานที่คุ้นเคย ฉันเริ่มกล้าที่จะสูดหายใจลึกๆได้ครั้งแรก Thamel


 





No comments:

Post a Comment