September 21 Day 16th Katmandu - Bangkok
อาหารเช้าในร้านกาแฟชื่อดังของ Chaksibari Marg รสชาติอร่อย จนฉันอดจะสั่งหลายๆอย่างไม่ได้ มูสลี่โยเกิร์ตใส่ผลไม้ ขนมปังโฮลวีทแผ่นหนาเสิร์ฟมาพร้อมกับไข่ดาวซันนี่ไซด์อัพ แฮชบราวน์ เนยจากจามรีและแยมโฮมเมด น้ำมะละกอคั้นสดเย็นเฉียบ และกาแฟออแกนิค หิมาลายัน จาวา แมวสลิดตัวอ้วนมานั่งคลอเคลียอยู่ใ ต้โต๊ะ สุดท้ายก็กระโดดขึ้นบนม้านั่งมานอนหลับอยู่ข้างๆ สีลายๆและหน้าตาที่เหมือนจะบึ้งตึงอยู่ตลอดทำให้มันดูน่าขัน ฉันเอื้อมมือไปลูบขนมันเบาๆมันทำท่าพอใจทำเสียงครืดๆออกมา ฝนตกเม็ดหนากว่าเมื่อวานจนทำให้บรรยากาศอึมครึม มองไปข้างนอกเห็นทุกอย่างเป็นเฉดสีเทา
เสร็จจากอาหารเช้ารีบวิ่งข้ามถนนกลับเข้าห้องพักแล้วอาบน้ำ จัดกระเป๋า ข้าวของที่เพิ่มขึ้นหลายอย่างทำให้ต้องแบ่งส่วนหนึ่งออกใส่กระเป๋าแทรเวลแบ้กที่เตรียมมาเผื่อกรณีฉุกเฉิน นั่งจัดไปก็นั่งขำตัวเองไปเพราะความคิดบ้าๆ ข้าวบาสมาติสามกิโลกรัม เครื่องปรุงเครื่องเทศเนปาล/อินเดียอีกนับสิบๆห่อ หนังสือสูตรอาหารเนปาล เกลือดำ เหลือสีชมพู โน่นนี่นั่นจนกระเป๋าแน่นเอี๊ยดแทบรูดซิปไม่ได้ ในกระเป๋าเป้มีเสื้อผ้าข้าวของที่จำเป็นสำหรับหนึ่งคืนและกล้องถ่ายรูป ในกระเป๋าสะพายมีโทรศัพท์ ไอแพด และเอกสารการเดินทาง เดินลงบันไดจากห้องพักชั้นห้า คิดๆอยู่หลายครั้งว่าอยากจะเอากระเป๋าทุ่มลงมาข้างล่าง
เช็คเอาท์เรียบร้อยก็เดินข้ามถนนไปหารถแท็กซี่คันที่จอดใกล้อยู่ที่สุด ไม่เล่นเกมส์ ไม่ต่อรองราคาเพราะอยากจะเอาข้าวของทั้งหมดใส่รถและไปถึงสนามบินเร็วๆ โยนกระเป๋าและเป้ไว้เบาะหลังจนเต็มแล้วมานั่งข้างหน้ากับหนุ่มคนขับ หนุ่มฮินดูคนขับรถส่ายหัวดุกดิกยิ้มแป้นที่ฉันมานั่งข้างหน้าด้วย ฉันทักทายและคุยกับเขาเรื่องนั้นนี้ไปเรื่อยๆ เขาพยายามจะจ้องหน้าฉันทุกครั้งที่เขาสามารถละสายตาจากท้องถนนได้ เอาหน้าเขามาชิดหน้าฉันมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ด้วยความที่รถแท็กซี่เป็นรถคันเล็กและฉันตัวสูงทำให้นั่งทอดขาตรงๆไม่ได้ หัวเข่าฉันแอบชิดอยู่กับกระปุกเกียร์ หนุ่มลากเกียร์รถไปหนึ่งสอง หนึ่งสองหลายครั้งทำให้มือของเขาแตะหัวเข่าฉันหลายครั้งอย่างตั้งใจ ฉันทำเฉยๆแต่หันหัวเข่าออกไปทางประตูรถแล้วชวนเขาคุยต่อเรื่องทั่วไป เขาถามฉันว่าแต่งงานรึยัง ฉันตอบว่าไม่แต่งและคงจะไม่แต่งตลอดไป ฉันพอใจชีวิตของฉันแบบนี้ เขาถามขอถึงอายุฉันตอบไปว่าสี่สิบสี่ปี และจู่ๆเขาก็พูดสวนออกมาวรา I like you เคยคิดเล่นๆอยู่หลายครั้งแล้วว่าหนุ่มเนปาลใจง่ายจริงๆ เพราะเวลาสิบกว่าวันที่นี่มี I like อยู่หลายรายแล้ว LIKE ไม่ใช่ LOVE และหนุ่มคนนี้ก็ไม่ได้likeฉันเฉยๆแต่มือหนุ่มมันไปยุกยิกอยู่ที่เป้ากางเกงของตัวเอง ฉันใช้สมองอย่างหนักว่าจะทำยังไงต่อไปดี จะกระโดดลงรถเหมือนในละครทีวีก็กลัวจะเลอะโคลน จะบอกให้จอดแล้วลงไปหาแท็กซี่คันใหม่ก็คงจะหายากแถวนี้ จะนั่งเฉยๆต่อไปก็กลัวหนุ่มจะขยับยุกยิกตรงนั้นหนักกว่าเก่า ก็เลยพูดออกไปว่าฉันอายุสี่สิบสี่นี่คงจะรุ่นเดียวกับแม่เธอนะ เธอรักแม่มั้ย แม่เธอทำกับข้าวอร่อยมั๊ย ถามไปคุยไปเรื่อยๆจนหนุ่มหยุดเกาแล้วตั้งใจขับรถจนถึงสนามบิน แอบคิดในใจขนาดตอนนี้หน้ามีแต่สิวจนพรุนไปหมดเพราะฤทธิ์ของฝุ่น ผมไม่ได้สระมาเป็นอาทิตย์ กางเกงตัวนี้นุ่งมาสามวันละยังไม่วายบิ้วอารมณ์หนุ่มได้อีก เง้อออออ....
สนามบินตริภูวันยามสายเป็นไปอย่างเอื่อยๆ ผ่านซีเคียวริตี้สองสามด่านถึงจะผ่านเข้าไปข้างในได้ แต่ไม่ว่าจะผ่านกี่ด่านจนถึงบอร์ดดิ้งก็ไม่มีใครว่าเรื่องขวดน้ำดื่มที่เอาเข้าไป ของเหลวคงไม่มีศักยภาพพอที่จะทำระเบิดได้ในเนปาล ดีงามจริงๆมีน้ำดื่มตลอดเวลาที่ต้องการ กระเป๋าสำรองถูกนำไปเช็คและโหลดเข้าใต้ท้องเครื่อง มันหนักเกินไปที่จะหิ้วไปมาและการบินไทยก็ให้โหลดกระเป๋าได้ถึงสามสิบกิโลกรัม เดินตัวปลิวเข้าไปหาประตูขึ้นเครื่องแต่คงเช้าเกินไปเพราะหมายเลขประตูยังไม่ออก สนามบินตริภูวันเป็นสนามบินนานาชาติแห่งเดียวในเนปาล แต่ก็เป็นสนามบินที่เล็กมากๆ ระหว่างที่รอหมายเลขเกทก็นั่งรวมๆกันในห้องโถง ฉันนั่งมองดูนั่นนี่เพลินๆรู้ตัวอีกทีก็มีเสียงทักอยู่ใกล้ๆ May I borrow you cellphone? หันหน้าไปดูเจอพระธิเบตหนุ่มตัวสูงใหญ่ยืนอยู่ข้างฉัน จีวรสีออกแดงห่มแตกต่างจากพระสงฆ์บ้านเรา สะพายย่ามที่ปักคำว่า University.... Tibet อะไรสักอย่าง ที่ชอบที่สุดและคิดว่าเท่ห์ที่สุดคือพระใส่รองเท้าบู้ทTimberland โครตเท่ห์เลย ยื่นโทรศัพท์ให้พระยืมและเห็นแว้บเเว้บว่าพระเองก็ใช้ไอโฟนเจ็ดพลัส นั่นนนได้อีก ระหว่างที่พระยืมใช้โทรศัพท์ก็แอบมองๆท่านและคิดไปถึงหนังที่ แบรด พีท เล่น เรื่องเซเว่นเยียร์สอินธิเบต คิดไปคิดมาอยากไปธิเบต! ได้โทรศัพท์คืนแล้วแต่สายตายังมองตามพระชื่นชมความเท่ห์ของท่าน โน่นท่านไปนั่งอีกฝั่งหนึ่งแต่ยังส่งยิ้มมาให้ นรกจะกินหัวรึเปล่านะที่คิดว่าพระธิเบตนี่เท่ห์และน่าสนใจจริงๆ ตอนหลังท่านเดินผ่านไปซื้อน้ำชาท่านยังมีน้ำใจแวะถามว่าฉันอยากดื่มอะไรมั้ย ชื่นใจจริงๆ
บอกลาเทือกเขาเอเวอร์เรสผ่านหน้าต่างเครื่องบิน พาสต้าปลา ไวน์ขาวสองอึก น้ำแอปเปิลหลายแก้ว และหนังการ์ตูนอีกสองเรื่อง ทีมงานรักคุณเท่าฟ้าก็พาฉันกลับมาเมืองยิ้ม สนามบินสุวรรณภูมิ ผ่านระบบออโต้พิมพ์นิ้วมือสแกนพาสปอร์ตตรวจคนเข้าเมืองพาตัวเองเข้าประเทศในระยะเวลารวดเร็วทันใจ ฉันขนสัมภาระทั้งหมดมาใส่รถเวียนชัตเติ้ลบัสต่อไปสนามบินดอนเมือง นะหว่างทางฝนตกหนักไม่ขาดเม็ดตลอดเวลากว่าชั่วโมงบนรถบัส ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ฟ้าผ่าครบรส แต่ก็น่าแปลกที่พอเข้าเขตดอนเมืองก็เริ่มซาและหยุดหายไป กระเป๋าสำรองถูกฝากไว้ที่เคาน์เตอร์รับฝากของในสนามบิน ฉันเดินตัวปลิวข้ามสะพานอมารีแล้วลงมาถนนใหญ่ เดินเลาะถนนไปเรื่อยๆเกือบสิบนาทีแล้วเลี้ยวขวาก็ถึงโฮสเทลเล็กๆที่จองไว้ ห้องดอมแปดเตียงที่มีแต่ฉันกับสาวชาวฝรั่งเศสอีกคนพักอาศัยมันดีพอแล้วสำหรับคืนนี้
---- คนที่ก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้หมายความว่าเขาหลงทาง----
No comments:
Post a Comment